ซีรีส์ "สงครามส่งด่วน" ทำให้เกิดกระแสพาส่องเบื้องลึกเบื้องหลังการก่อตั้ง “แฟลชเอ็กซ์เพลส” (Flash Express) ยักษ์ใหญ่โลจิสติกส์ของเมืองไทย จนชื่อของ “Di Weijie” หรือ "รุ่ยเจี๋ย" ในซีรีส์โดดเด่นขึ้นมาในช่วงเวลาข้ามคืน
Di Weijie (เว่ยเจี๋ย) หรือ "รุ่ยเจี๋ย" ในซีรีส์นั้นเป็นอดีตพนักงานระดับสูงของ Alibaba ที่มีประสบการณ์ใน Yahoo, B2B, Alibaba Cloud และ Alipay รวมถึงเป็น Founder ของ Black & White Campus ในช่วงที่ Weijie ทำงานที่อาลีบาบา ตลาดโลจิสติกส์ไทยยังล้าหลัง โดยการส่งของใช้เวลานานและค่าใช้จ่ายสูง เช่นพัสดุที่มีค่าส่ง 70 บาท หากใช้บริการที่จีนอาจส่งได้ใน 3 วันด้วยค่าใช้จ่าย 15 บาท
คมสัน ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express จึงใช้กลยุทธ์พิเศษในการโน้มน้าวโดยชวน Weijie มาเที่ยวสงกรานต์ และจงใจพาไปดูภาพลูกค้าต่อคิวยาวหน้าไปรษณีย์ไทย ทำให้ Weijie เห็นโอกาสและตัดสินใจเข้าร่วมโดยขอหุ้นเพียง 30% แทน 50% เพื่อให้คมสันเป็น "พ่อใหญ่" ของบริษัทคนเดียว
หลังจากนั้นทั้งคู่ทำงานร่วมกันอย่างหนัก Weijie ถึงกับนอนเต็นท์ที่บริษัทหลายเดือน จนที่ผ่านมา Flash Express กลายเป็น unicorn ระดมทุนได้ 7 หมื่นล้านบาท และขยายไปทั่วอาเซียน โดยคมสันยอมรับว่าหากไม่มี Weijie ก็คงไม่มี Flash Express ในวันนี้
***ชีวิตหัวกะทิ Alibaba
ผู้ร่วมก่อตั้งและ COO ของ Flash Express อย่าง Weijie นั้นมีเส้นทางชีวิตไม่ธรรมดากว่าจะมาถึงจุดนี้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เคยเป็นหัวกะทิอยู่ที่ Alibaba
Weijie เคยเป็นบุคคลสำคัญที่ Alibaba ก่อนที่จะมาร่วมหัวจมท้ายสร้าง Flash Express จนยิ่งใหญ่ ถึงขนาดมีคนวงในพูดกันเลยว่าตอนที่ Weijie ตัดสินใจลาออกจาก Alibaba ทางนั้นเสียดายบุคลากรคนนี้ชนิดที่ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะเมื่อย้อนกลับไปช่วงปี 2013 ตอนนั้น Weijie ได้รับโจทย์สุดหินให้มารับผิดชอบโปรเจกต์อาลีเพย์วอลเล็ต (Alipay Wallet) เวอร์ชั่น 7.0 ซึ่งใครที่เคยใช้ Alipay ยุคแรกอาจจะพอจำได้ว่า User Experience หรือประสบการณ์ใช้งานอาจยังไม่ค่อยดีนัก งานนี้ Weijie จึงต้องเข้ามารื้อแล้วสร้างใหม่ทั้งระบบ
การสร้างระบบจ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟผ่านมือถือ ที่แค่กดไม่กี่ปุ่มแล้วทุกอย่างเรียบร้อยนั้นอาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่เบื้องหลังคือทีมพัฒนาต้องแก้ปัญหาทางเทคนิคที่ซับซ้อนมาก เวลานั้น Weijie ต้องประสานงานกับ Product Manager หลายสิบคนเพื่อรวบรวม User Requirement ใหม่ทั้งหมด จากนั้นก็มาจัดทีมพัฒนาเพื่อสร้าง Framework พื้นฐานใหม่ให้ตอบโจทย์ยุคมือถือจริงๆ จนออกมาเป็น 5 สายงานหลักในการพัฒนาเลยทีเดียว
ไม่ใช่แค่นั้น Weijie ยังเป็นคนริเริ่มและนำทีมสร้างระบบแจ้งเตือน (Notification System) ของ Alipay Wallet ด้วยตัวเอง ตั้งแต่การวางแผนธุรกิจ การบริหารโปรเจกต์ ไปจนถึงการวิเคราะห์ปัญหาทางเทคนิค เรียกได้ว่าคุมหมดทั้งภาพใหญ่ภาพเล็ก
เรื่องนี้ Weijie เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าการเป็นเกมเมอร์ตั้งแต่เด็ก กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Weijie เลือกเรียนสายคอมพิวเตอร์ โดย Weijie บอกว่า "การเขียนโค้ด" นั้นเป็นเรื่องง่าย เพราะถ้ามีปัญหาหรือ Bug เมื่อใด ก็แปลว่าเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้เอง แต่การดีลกับคนนั้นเหนื่อยกว่ามาก
Weijie ยอมรับว่าภูมิใจที่ได้เห็นโค้ดที่ตัวเองเขียนสามารถทำงานได้จริง และสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น อย่างเช่นระบบ Alipay QR Code Payment ที่ทำให้แอปเรียกรถแท็กซี่อย่าง "ไคว่ตี้ ต่าเชอ" (Kuaidi Dache) ในจีนตอนนั้นบูมมากๆ ก็มาจากฝีมือทีมของ Weijie นี่เอง
ถึงแม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงที่ Alibaba และเป็นมือทองที่ใครๆ ก็ต้องการตัว แต่ Weijie มองเห็นโอกาสที่ใหญ่กว่านั้นครับ เพราะตลาด Mobile App ยังมีช่องว่างอีกมาก และ Mobile Internet กำลังจะเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนอย่างมหาศาล นี่จึงอาจเป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ Weijie ตัดสินใจก้าวออกมาจาก Comfort Zone ที่ Alibaba และมาร่วมสร้างตำนาน "สงครามส่งด่วน" กับ Flash Express ในบทบาท Co-Founder และ COO อย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้
***2 คนโคจรพบกัน
Weijie ได้ร่วมงานกับ Flash Express เมื่อ คมสัน ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express รู้ว่าตัวเองต้องการคู่หูที่เก่งที่สุดเท่าที่จะหาได้ เขาจึงไปปรึกษา Senior HR ของ Alibaba ประเทศจีน จนได้ยินชื่อ Weijie ในฐานะคนที่ Alibaba เสียใจที่สุดหากลาออกไปจากบริษัท
การโน้มน้าว Weijie ไม่ใช่เรื่องง่าย การพบกันครั้งแรก คมสันเล่าว่าใส่สูทผูกไท เต็มยศ แต่ไปเจอ Weijie ในสภาพใส่หมวกแก๊ป กางเกงขาสั้น การพบครั้งแรกจบลงด้วยการปฏิเสธ เพราะ Weijie มองว่าคมสันยังไม่พร้อมที่จะลงมือทำงานจริงจัง
แต่คมสันไม่ยอมแพ้ เขาหาโอกาสชวน Weijie มาเที่ยวสงกรานต์ที่ไทย และจงใจพาไปดูหน้าร้านไปรษณีย์ไทยที่ The Street รัชดา ที่มีภาพของพ่อค้าแม่ค้าแบกกล่องแบกถุงต่อคิวยาวเพื่อส่งของ Weijie ประหลาดใจมากที่ยังมีบริการแบบที่ลูกค้าต้องรอคิวเป็นชั่วโมงๆ และจ่ายค่าบริการแพง
ภาพที่เห็นนั้นทำให้ Weijie เปลี่ยนใจ เพราะเห็นโอกาสในการปฏิวัติธุรกิจโลจิสติกส์ในไทย หลังจาก Weijie ตัดสินใจเข้าร่วมกับคมสัน Weijie ขอหุ้นเพียง 30% แทนที่จะเป็น 50% ตามที่คมสันเสนอ เพื่อให้บริษัทมีพ่องานคนเดียวที่ตัดสินใจเด็ดขาด โดยแบ่งหน้าที่ให้คมสันดูแลภายนอก ส่วน Weijie จะดูแล operation และงานภายใน
คมสันเคยเล่าว่า Weijie ทำงานหนักจนถึงกับเอาเต็นท์มานอนที่บริษัทไม่กลับบ้านเป็นเวลาหลายเดือน กลายเป็นทั้งมือขวา เป็นลมใต้ปีก เป็นส่วนที่คมสันไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง Weijie นำประสบการณ์จากจีนมาช่วยพิจารณานักลงทุน และใช้ประสบการณ์จากบริษัทใหญ่มาช่วยวางระบบ
ปัจจุบัน Flash Express สามารถขยายตัวไปทั่วอาเซียน ผ่านการระดมทุนซีรีส์ F ด้วยมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท และ Weijie ยังคงทำงานหนัก ไม่เป็นข่าว แม้ว่า Flash Express จะมีอาณาจักรธุรกิจใหญ่โตอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้.