การสำรวจล่าสุดของดีลอยท์ (Deloitte) ชี้คนรุ่นใหม่ไทยทั้ง Gen Z และ Gen Y ใช้ Generative AI ในการทำงานถึง 85% โดย Gen Z มีแนวโน้มใช้ในกิจกรรมประจำวันมากกว่า ขณะที่ Gen Y ใช้งานหลากหลายกว่า โดยเฉพาะด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และการสร้างเนื้อหา การใช้งานยอดนิยม 3 อันดับแรกคือ การวิเคราะห์ข้อมูล การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ และการสร้างเนื้อหา
การสำรวจชี้ประมาณ 90% เชื่อว่า GenAI ช่วยลดเวลาทำงาน เพิ่มสมดุลชีวิต และลดภาระงานซ้ำซ้อน แต่ก็มีความกังวลคือ 3 ใน 4 กลัวว่าจะทำให้งานน้อยลง และ 85% เห็นว่าต้องเลือกงานที่มีความเสี่ยงน้อยจากระบบอัตโนมัติ
ปัจจุบันมีเพียง 1 ใน 4 ของคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการฝึกอบรม GenAI อย่างเป็นทางการ ขณะที่อีกประมาณครึ่งหนึ่งวางแผนเข้ารับการอบรมภายใน 12 เดือนข้างหน้า ผลกระทบต่อโลกการทำงานเห็นได้ชัดว่า GenAI กำลังเปลี่ยนรูปแบบการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะงานด้านข้อมูลและการวิเคราะห์
สำหรับมนุษย์ การสำรวจย้ำความจำเป็นในการพัฒนา Soft Skills ที่เทคโนโลยีไม่สามารถทดแทนได้ เช่น การทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และการตัดสินใจ นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ ยังคงเผชิญความท้าทายในการบริหารจัดการให้พนักงานทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่รู้สึกว่างานของตนถูกลดทอนคุณค่า
***คนรุ่นใหม่ไทยกับ GenAI ปี 67
สรุปสถิติ GenAI ของคนรุ่นใหม่ไทยปีล่าสุดนี้มาจากการสำรวจระดับโลก Deloitte Global 2025 Gen Z and Millennial Survey ที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 22,841 คน จาก 44 ประเทศ โดยข้อมูลไทยมาจากกลุ่มตัวอย่าง 330 คน มีการแบ่งชัดเจนระหว่าง Gen Z (18-30 ปี) และ Millennial (30-42 ปี) เก็บข้อมูลในช่วงเวลา ต.ค.-ธ.ค. 2567
กัญญ์ทิพา เครือแก้ว ณ ลำพูน ผู้จัดการอาวุโส แผนก Organization Transformation ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวว่าทั้ง Gen Z และ Gen Y ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร องค์กรใดที่สามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและคุณค่าที่สอดคล้องกับคนรุ่นใหม่ได้ดีกว่า จะสามารถดึงดูดหรือส่งเสริมให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะในยุคที่ GenAI กำลังเข้ามามีอิทธิพลกับวิธีการทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยข้อมูลจากการสำรวจนี้เผยให้เห็นภาพที่น่าตื่นเต้น เพราะคนรุ่นใหม่ไทยทั้ง Gen Z และ Gen Y กำลังใช้ GenAI ในการทำงานอย่างแพร่หลาย โดยมีถึง 85% ที่เคยใช้เทคโนโลยีนี้ช่วยในการทำงาน
ที่น่าสนใจคือ แม้ว่า Gen Z จะใช้ GenAI ในกิจกรรมประจำวันมากกว่า แต่ Gen Y กลับมีแนวโน้มการใช้งานที่หลากหลายกว่า โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และการสร้างเนื้อหา
สำหรับการใช้งานยอดนิยม 3 อันดับแรกที่ทั้งสองเจเนอเรชั่นชื่นชอบ ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูล การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ และ การสร้างเนื้อหา
คนรุ่นใหม่เหล่านี้มองว่า GenAI ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น ลดภาระงานซ้ำซ้อน และที่สำคัญ คือเพิ่มเวลาให้สามารถจัดสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้มากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกังวล กลุ่มตัวอย่างประมาณ 3 ใน 4 เป็นห่วงว่าเทคโนโลยีนี้อาจทำให้งานน้อยลง และถึง 85% เห็นว่าต้องเลือกงานที่มีความเสี่ยงน้อยจากระบบอัตโนมัติ
***แห่ฝึกใช้ปัญญาประดิษฐ์
ปัจจุบัน มีเพียง 1 ใน 4 ของคนรุ่นใหม่เท่านั้นที่ได้รับการฝึกอบรมการใช้ GenAI อย่างเป็นทางการ ขณะที่อีกประมาณครึ่งหนึ่งกำลังวางแผนจะเข้ารับการอบรมภายใน 12 เดือนข้างหน้า
ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่า GenAI กำลังเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของคนรุ่นใหม่ไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลและการวิเคราะห์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนา Soft Skills ที่เทคโนโลยีไม่สามารถทดแทนได้ เช่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น การสื่อสาร และการตัดสินใจ
ในอีกด้าน หลายองค์กรยังคงเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการเทคโนโลยีใหม่นี้ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่รู้สึกว่างานของใครถูกลดทอนคุณค่า
ที่สุดแล้ว นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าโลกกำลังอยู่ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และคนรุ่นใหม่ไทยก็กำลังปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างแข็งขัน
"จากที่ได้มีโอกาสติดตามรายงานฉบับนี้มาติดต่อกันเป็นปีที่ 3 จะเห็นว่าข้อมูลในแต่ละปีมีทิศทางที่ตอบคำถามด้วยตัวเองได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนตัวแล้ว ต้องการเห็นการพูดคุยกันระหว่างภาคการศึกษาและภาคธุรกิจที่จะนำไปสู่การลงทุนทางการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรที่ตอบโจทย์มากกว่านี้” ดร.โชดก ปัญญาวรานันท์ ผู้จัดการอาวุโส แผนก Growth ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวทิ้งท้าย.