โลกกำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษของ AI เมื่อภาคธุรกิจทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับการนำ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มาใช้ในการเพิ่มทั้งประสิทธิภาพในการทำงาน พร้อมกับลดต้นทุน จนถึงขั้นที่ว่าภายใน 12 เดือนข้างหน้านี้ ธุรกิจไหนที่ยังไม่นำ AI มาใช้งาน หรือไม่มีกระทั่งแผนงานลงทุนจะพลาดโอกาสสำคัญ จนทำให้มีความเสี่ยงได้
นี่นับเป็นหนึ่งในผลสรุปจากการทำข้อมูลสำรวจประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสารสนเทศ หรือ CIO รวมถึงผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีกว่า 900 คน 12 ตลาดทั่วเอเชียแปซิฟิกของทางเลอโนโว (Lenovo) ที่ชี้ให้เห็นว่า ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกันแล้วในตอนนี้
ข้อมูลที่น่าสนใจจากผลสำรวจคือ กลุ่มธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกมีแผนลงทุนทางด้าน AI เพิ่มขึ้นถึง 3.3 เท่า เพียงแต่ถ้าไม่นับอินเดีย และญี่ปุ่น จะลดลงมาเหลือราว 2.7 เท่า แต่ก็นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นชัดเจน
อมาร์ บาร์บู ประธานเลอโนโว เอเชีย แปซิฟิก ให้ข้อมูลว่า เทรนด์ของการใช้งาน AI ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือภาคธุรกิจจะหันมาลงทุนสร้าง AI เพื่อใช้งานภายในองค์กร ตามข้อกำหนด หรือกฎหมายในเรื่องการกำกับดูแลข้อมูลของแต่ละประเทศมากขึ้น
เนื่องจากปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่าผู้ให้บริการ AI ที่เปิดให้บริการสาธารณะอย่าง Chat GPT เมื่อมีการใช้งานจากพนักงาน ข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปจะกลายเป็นจะไม่เป็นความลับทางธุรกิจอีกต่อไป ทำให้เกิดการมาของ Hybrid AI ที่ผสมผสานระหว่าง AI ส่วนตัว AI สำหรับองค์กร และ AI ทั่วไป
ในขณะเดียวกัน เลอโนโว เห็นแนวโน้มการลงทุนทางด้านไอทีที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ซึ่งในกลุ่มของธุรกิจพีซี ทั้งคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และโน้ตบุ๊กที่เติบโตขึ้นถึง 21% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และกลายเป็นว่ารายได้จากกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่พีซี (Non-PC) กลับเติบโตขึ้นถึง 36%
เช่นเดียวกับสัดส่วนรายได้ของเลอโนโวที่ธุรกิจพีซีคิดเป็นสัดส่วนราว 53% และธุรกิจที่ไม่ใช่พีซีเพิ่มขึ้นมาเป็น 47% ขยับขึ้นมาถึง 5% ที่มาจากรายได้ของธุรกิจอินฟราสตรัคเจอร์ ไอทีโซลูชัน รวมถึงในกลุ่มของธุรกิจของสมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์โมโตโรล่าด้วย
ที่สำคัญคือ ‘เลอโนโว’ เป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ที่มีสินค้าครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์พกพา ไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ทำให้กลายเป็นข้อได้เปรียบในธุรกิจ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำในตลาดพีซีทั้งในประเทศไทย และทั่วโลกมาต่อเนื่อง
ซินิซา นิโคลิก ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ High-Performance computer, AI และ Cloud Service Provider เลอโนโว เอเชีย แปซิฟิก ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึง ผลสำรวจ CIO Playbook ที่พบว่าหัวข้อเกี่ยวกับการลงทุนเทคโนโลยี AI ไม่ได้ติด 1 ใน 5 ลำดับความสำคัญแล้ว เนื่องจากในหลายๆ ธุรกิจเริ่มมีการลงทุนไปแล้ว
หัวข้อที่กลุ่มผู้บริหารทางด้านไอทีสนใจในปีนี้คือการลงทุนต่อเนื่องเกี่ยวกับ AI ไม่ว่าจะเป็น 1.การให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูล โดยเฉพาะการจัดเก็บให้เป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล ต่อเนื่องไปถึง 2.การนำ AI มาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 3.การสร้างนวัตกรรม 4.ใช้ AI ในเรื่องของความยั่งยืน และ 5.ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น
“CIO ส่วนใหญ่เชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และจำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI โดย 65% ของ CIO ให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบ On-Premise มากกว่า Public Cloud เนื่องจากกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล”
***ลงทุน AI คาดหวังผลตอบแทน 3.6 เท่า
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังพบว่า 47% ของธุรกิจในอาเซียนพลัส ที่ประกอบด้วย ไทย, สิงคโปร์, ฮ่องกง,ไต้หวัน ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย อยู่ในขั้นตอนการประเมิน หรือวางแผนการนำ AI มาใช้งานทางธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจในเอเชีย แปซิฟิก 56% และทั่วโลก อยู่ที่ 49% โดยอุปสรรคสำคัญของการนำ AI มาใช้คือ ROI
“การทำให้ AI นำมาซึ่ง ROI นั้น ต้องอาศัยความสมดุลระหว่างการทดลองใช้งาน AI กับการมีโครงการที่สามารถขยายผลได้ ซึ่งองค์กรคาดหวังที่จะได้รับ ROI ถึง 3.6 เท่าโดยเฉลี่ยจากการลงทุน”
แมตต์ โคดริงตัน รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ระดับภูมิภาค เกรทเทอร์ เอเชียแปซิฟิก เลอโนโว ระบุถึงแนวโน้มของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุน AI ในอาเซียน เริ่มจากกลุ่มธุรกิจการดูแลสุขภาพ (Healthcare) ซึ่งมีการลงทุนเพิ่มขึ้น 5.3 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน และโทรคมนาคม (Telecom) เพิ่มขึ้น 3.6 เท่า
ประกอบกับการแนะนำ โซลูชัน "TrueScale" (As-a-Service) ช่วยเปิดทางให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและขยายการลงทุน AI ได้ตามขนาดการใช้งาน ตั้งแต่อุปกรณ์ ไปจนถึง GPU ที่ใช้ในการประมวลผล
“องค์กรในอาเซียนจะลงทุน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ทำให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้ และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล จึงทำให้เกิดการโยกย้ายข้อมูลจาก Public Cloud กลับเข้ามาอยู่ในองค์กรมากขึ้น”
***ปัจจัยเสริมพีซีเติบโต
อมาร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเติบโตของธุรกิจพีซี ในปีนี้แม้จะมีผลกระทบจากเรื่องสงครามการค้าแต่ในขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยที่มาช่วยให้ตลาดพีซียังเติบโตได้ เริ่มต้นจากการมาถึงของ AI ทำให้เกิดความต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่มากับชิปประมวลผล NPU ซึ่งมาช่วยเสริมการประมวลผลทางด้าน AI
นอกจากนี้ ตามปกติแล้วจะเกิดการเปลี่ยนเครื่องใหม่ (Refresh Cycle) ทุกๆ 4-6 ปี ซึ่งผู้ใช้งานที่มีการเปลี่ยนคอมม์ในช่วงโควิด ก็จะถึงรอบการเปลี่ยนเครื่องใหม่มาช่วยกระตุ้นการเติบโตด้วย รวมถึงการที่ทางไมโครซอฟท์ ประกาศยุติการสนับสนุนวินโดวส์ 10 ในเดือนตุลาคมนี้ องค์กรก็จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้งานวินโดวส์ 11 พร้อมซื้ออุปกรณ์ใหม่ด้วย
วรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการทั่วไป เลอโนโว ประจำไทย และภูมิภาคอินโดจีน เสริมว่า ตลาดประเทศไทยยังมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่กำลังพิจารณารอบการอัปเกรดอุปกรณ์และสนใจเทคโนโลยี AI มากขึ้น
โดย "ต้นทุนของการไม่ใช้ AI" เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการตัดสินใจ ประกอบกับการมีโปรแกรมอย่าง Fast Start ที่เลอโนโวจะเข้าไปทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อให้คำปรึกษาถึงการนำ AI ไปใช้งาน มีการจัดสัมมนาทำความเข้าใจเพิ่มเติม ไปจนถึงสร้าง Proof of Concept (PoC) เพื่อสาธิตผลลัพธ์และ ROI ให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น