Meta เปิดตัวแคมเปญออนไลน์ร่วมกับกระทรวงดีอี และสำนักงานฯ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สร้างการตระหนักรู้ด้านความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ผู้ใช้ชาวไทยรู้จักและเข้าใจถึงการควบคุมความเป็นส่วนตัวในแอปพลิเคชันและบริการของ Meta
แคมเปญนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้ชาวไทยมีความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นในการควบคุมประสบการณ์ความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของตนเอง ผ่านสื่อการศึกษาออนไลน์ที่สร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ได้ตรวจสอบการตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ รวมถึง
· ทำการตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบน Facebook
· เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้ารหัสแบบต้นถึงปลายทาง (End-to-End Encription)
· เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนและแจ้งเตือนการเข้าระบบเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของบัญชี
โดยแคมเปญออนไลน์นี้จะดำเนินไปเป็นเวลา 6 สัปดาห์ โดยจะมีเนื้อหาที่หลากหลายเป็นภาษาไทย รวมถึงโพสต์บนโซเชียลมีเดีย โฆษณา และสื่อภาพเคลื่อนไหว (GIFs) เนื้อหาจะนำเสนอบนแพลตฟอร์ม Facebook เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้ชาวไทยในหมู่กว้าง
ความร่วมมือดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Meta ในการลงทุนเพื่อสร้างการตระหนักรู้ในความสำคัญของการรักษาประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งสอดคล้องการความพยายามของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการให้ผู้บริโภคชาวไทยมีความเข้าใจและข้อมูลที่จำเป็นในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่เหมาะสมสำหรับประสบการณ์ออนไลน์ของตนเอง
Meta ได้ลงทุนกว่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในโปรแกรมความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 และได้เปิดตัวเครื่องมือการศึกษาต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการใช้ข้อมูลและตัวเลือกในการจัดการข้อมูลของตัวเอง
"เรามุ่งมั่นปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับกระทรวงดีอี และ สคส.เพื่อสร้างการตระหนักรู้ให้กับผู้ใช้ชาวไทยได้รู้จักวิธีการควบคุมความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ของตนเอง" นายยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ Facebook ประเทศไทย จาก Meta กล่าว "แคมเปญนี้เป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความเป็นส่วนตัวออนไลน์และเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะรู้จักเครื่องมือต่าง ๆ ที่มีให้เพื่อที่จะสามารถควบคุมความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ของตนเองได้"
Meta กระทรวงดีอี และสคส.ได้ทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดการปกป้องคุ้มครองความเป็นส่วนตัวด้านข้อมูลของผู้ใช้และเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะสามารถควบคุมประสบการณ์บนโลกออนไลน์และตัดสินใจเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่เหมาะสมกับตนเองบน Facebook โดยให้ผู้ใช้มีเครื่องมือและแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นในการจัดการสื่อสังคมออนไลน์ของตนเองเพื่อที่จะร่วมสร้างชุมชนออนไลน์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน