xs
xsm
sm
md
lg

พระเจ้าโจ Jony Ive เทพบุตรมือทอง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ที่ทำให้ชาวโลกต้องตะลึง เมื่อโอเพ่นเอไอ (OpenAI) ประกาศซื้อกิจการสตาร์ทอัปของหนุ่ม "โจนี่ ไอฟ์" (Jony Ive) ในราคาถึง 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ก่อนจะไปอธิบายว่าทำไมทั้งโลกจึงเชื่อว่าความเคลื่อนไหวนี้จะส่งผลกระทบยิ่งใหญ่ต่ออนาคตของวงการเทคโนโลยี เราทุกคนควรย้อนไปทำความรู้จักกับ Jony Ive ให้ลึกซึ้งกว่าเดิม

*** Jony Ive ตัวจริงหนึ่งเดียว!?

โจนาธาน พอล ไอฟ์ (Jonathan Paul Ive) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Jony Ive เกิดที่ลอนดอนในปี 1967 บุคคลนี้ไม่ใช่แค่นักออกแบบธรรมดา แต่เป็นคนที่ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) เรียกว่า "spiritual partner" หรือ "คู่หูทางจิตวิญญาณ" ของเขาที่แอปเปิล (Apple)

Jony Ive
ลองนึกภาพถึงช่วงที่ Jobs กลับมาที่ Apple ในปี 1997 เขาพบว่ามีชายคนหนึ่งที่เข้าใจวิสัยทัศน์ของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือ Jony Ive ที่เข้าร่วม Apple มาตั้งแต่ปี 1992

Jobs เคยบอกว่า Jony เข้าใจแนวคิดทางธุรกิจ แนวคิดการตลาด เขาเห็นภาพใหญ่และรายละเอียดเล็กน้อยที่สุดของแต่ละผลิตภัณฑ์ ประโยคนี้ถือเป็นคำยกย่องที่ไม่ธรรมดาจากคนที่เป็นตำนานแห่งวงการเทคโนโลยี

***จากสีสันสู่ความเรียบง่าย ผ่าวิวัฒนาการงานออกแบบของ Ive

ผลงานชิ้นแรกที่ทำให้ Jony Ive โด่งดังคือ iMac ในปี 1998 หลายคนจำได้ถึงคอมพิวเตอร์สีสันสดใสที่มีตัวเครื่องโปร่งแสงและมีหูหิ้วด้านหลัง ผลงานนี้ดูแปลกใหม่มากในยุคที่คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เป็นสีเบจเหมือนกันไปหมด

แต่แล้ววิสัยทัศน์ของ Ive ก็เริ่มเปลี่ยนไป สู่การหันมาสนใจการออกแบบที่เรียบง่าย สะอาดตา และใช้งานง่าย โลกจึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนใน iPod ที่ Ive ออกแบบ ซึ่งตัวดีไซน์นั้นเรียบง่ายมากแต่มีพลังในการเปลี่ยนทั้งอุตสาหกรรมเพลง

Jony Ive กับ Tim Cook ในงานเปิดตัว iPhone
แล้วก็ถึงยุค iPhone ผลงานชิ้นเอกที่เปลี่ยนโลกนี้ถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Jony Ive สำหรับ iPhone นั้นตัว Ive ไม่ได้แค่ออกแบบให้เป็นโทรศัพท์มือถือ แต่ได้สร้างแนวคิดใหม่ทั้งหมดของสิ่งที่เรียกว่า "สมาร์ทโฟน"

Ive เคยพูดถึงความชอบทำงานในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์แนวคิดใหม่ เนื่องจากเป็นงานที่มีโอกาสดี เพราะสามารถทำงานในผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นเดียว ที่สามารถลบทิ้งประวัติศาสตร์ทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ประเภทนั้นได้ในทันที

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ iPhone อุปกรณ์ที่ไม่ได้แค่เป็นโทรศัพท์ที่ดีกว่า แต่สามารถเปลี่ยนวิธีที่ชาวโลกใช้ชีวิต สื่อสาร และการเข้าถึงข้อมูลของเรา

***ปรัชญาออกแบบลึกซึ้ง

สิ่งที่ทำให้ Jony Ive พิเศษไม่ใช่แค่ความสามารถในการสร้างของสวยงาม แต่คือปรัชญาการออกแบบที่ Ive ยึดถือ บนความเชื่อว่าการออกแบบที่ดีต้อง "หายไป" จากการรับรู้ของผู้ใช้

หมายความว่าอย่างไร? Ive อธิบายว่าเมื่อใครใช้ iPhone คนนั้นไม่ควรคิดถึงปุ่มกด หรือการทำงานของเครื่อง แต่ควรคิดถึงแค่สิ่งที่ต้องการทำเท่านั้น เช่น โทรหาเพื่อน ถ่ายรูป หรือฟังเพลง ซึ่งถือเป็นความหมายที่ไม่ธรรมดาของ "intuitive design"

Jony Ive และ Sam Altman
จนในปี 2019 หนุ่ม Jony Ive ตัดสินใจออกจาก Apple เพื่อก่อตั้งบริษัทออกแบบของตัวเองชื่อ "เลิฟฟอร์ม" (LoveFrom) ซึ่งเวลานั้น นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า Apple ได้สูญเสียหนึ่งในคนสำคัญที่สุดของบริษัทไป

สำหรับ Ive เส้นทางของ Ive ยังเติบโตต่อสู่การก่อตั้ง "ไอโอโปรดักต์ส" (io Products) ในปี 2023 พร้อมทีมงาน 55 คน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมงานเก่าจาก Apple เช่น Scott Cannon, Evans Hankey และ Tang Tan ทั้งหมดจะเป็นหัวหอกในการช่วย OpenAI ปฏิวัติโลก

***OpenAI กับยุคไร้หน้าจอ

เรื่องราวชีวิตของ Jony Ive ทวีความน่าสนใจมากขึ้นอีกเมื่อแซม อัลต์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI และ Jony Ive เริ่มคุยกันเรื่องอนาคตของเทคโนโลยี และได้ตกลงกันว่าอนาคตของการใช้งาน AI ไม่ควรอยู่ที่หน้าจอ แอป หรือปุ่มกด

ทั้งคู่ต้องการสร้าง "AI-native devices" หรืออุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับ AI โดยเฉพาะ ไม่ใช่การเอา AI มาใส่ในอุปกรณ์เดิม โดยวิจารณ์อุปกรณ์ "เอไอพิน" (Ai Pin) อุปกรณ์ต้นแบบตัวแรกของสตาร์ทอัปชื่อ Humane ซึ่งออกแบบมาใช้กับปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT ว่ายังขาดแรงบันดาลใจ และเชื่อว่าทั้งคู่สามารถทำได้ดีกว่านี้ โดยข่าวลือล่าสุดชี้ว่าอุปกรณ์ AI ของ Jony Ive จะใหญ่กว่า เล็กน้อย

เอไอพิน (Ai Pin) อุปกรณ์ต้นแบบตัวแรกของสตาร์ทอัปชื่อ Humane ซึ่งออกแบบมาใช้กับปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT

การแสดงผลรูปแบบหนึ่งของ Ai Pin อุปกรณ์ไร้หน้าจอพลังปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT
สิ่งที่ถูกประกาศออกมาแล้ว คือการซื้อกิจการที่มีรายละเอียดน่าสนใจหลายประเด็น ในด้านการเงิน สนนราคาดีล 6,500 ล้านดอลลาร์นั้นเป็นหุ้น ไม่ใช่เงินสด และในช่วงแรกมีข่าวลือว่าจะเป็นแค่ 500 ล้านดอลลาร์

สำหรับประเด็นการทำงาน Jony Ive จะไม่เข้าร่วม OpenAI อย่างเป็นทางการ แต่ LoveFrom จะยังคงเป็นอิสระและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยไทม์ไลน์ที่วางกรอบไว้ คือผลิตภัณฑ์แรกคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026

ข่าวนี้มีอิมแพคทันที และทำให้หุ้น Apple ลดลงกว่า 2% เพราะนักลงทุนเริ่มกังวลว่า Apple อาจตามหลัง AI ไม่ทัน

***สวมใส่ได้ ไม่ใช่แว่นตา ไม่มีหน้าจอ

แม้ว่า Altman และ Ive จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่นักวิเคราะห์หลายคนคาดเดาว่าอาจจะเป็นอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ แต่ไม่ใช่แว่นตา เชื่อว่าอุปกรณ์นี้จะไม่มีหน้าจอ แต่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ มีโอกาสที่จะควบคุมด้วยเสียงเป็นหลัก หรืออาจสวมรอบคอเหมือน AirPods ขนาดใหญ่

  แม้ว่า Altman และ Ive จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่นักวิเคราะห์หลายคนคาดเดาว่าอาจจะเป็นอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ แต่ไม่ใช่แว่นตา
ไม่ว่าอุปกรณ์นี้มีความหมายต่อวงการเทคโนโลยีอย่างไร แต่สิ่งที่แน่นอนคือการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ OpenAI จากบริษัทซอฟต์แวร์ล้วนๆ กลายเป็นผู้เล่นด้านฮาร์ดแวร์ และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันใหม่กับ Apple โดยตรง โดย OpenAI ที่มีมูลค่าปัจจุบัน 300,000 ล้านดอลลาร์ และคาดการณ์รายได้ปีนี้ 3,700 ล้านดอลลาร์ กำลังแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ต้องการแค่อยู่ "เบื้องหลังหน้าจอ" อีกต่อไป

บทสรุปเรื่องราวของเทพบุตรร่างทอง Jony Ive กับ OpenAI จึงไม่ใช่แค่ข่าวการซื้อกิจการธรรมดา แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติครั้งใหม่ในวงการเทคโนโลยี คำถามคือเมื่อคนที่สร้าง iPhone มาทำงานกับบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT ทั้งคู่จะสร้างอะไรที่เปลี่ยนโลกได้ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าสิ่งที่เรากำลังจะได้เห็นในปี 2026 จะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นวิธีคิดใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับการที่มนุษย์กับเทคโนโลยีอยู่ร่วมกันในอนาคต.


กำลังโหลดความคิดเห็น