ซัมซุง (Samsung) ประกาศเปิดตัว Galaxy S25 Edge อย่างเป็นทางการ มากับความบาง และความแข็งแกร่ง โดดเด่นด้วยตัวเครื่องไทเทเนียมที่หนา 5.8 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 8 Elite สำหรับ Galaxy
Galaxy S25 Edge ไม่เพียงแต่สานต่อตำนานของ Galaxy S Series ในด้านการถ่ายภาพ แต่ยังยกระดับประสบการณ์ด้วยกล้องที่ขับเคลื่อนโดย Galaxy AI ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด
ทีเอ็ม โรห์ ประธานฝ่าย Device eXperience ของซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า Galaxy S25 Edge เป็นมากกว่าสมาร์ทโฟนที่บางเฉียบ มันคือวิศวกรรมที่เหนือกว่า แสดงถึงความมุ่งมั่นในการก้าวข้ามขีดจำกัด และจะเป็นตัวเร่งนวัตกรรมสำคัญในอุตสาหกรรมมือถือ
จุดเด่นสำคัญอยู่ที่งานออกแบบด้วยความบางเพียง 5.8 มม. และน้ำหนักเบา 163 กรัม Galaxy S25 Edge ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ Galaxy S Series พร้อมเสริมความทนทานด้วยกรอบไทเทเนียมและกระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass Ceramic 2
ด้านการถ่ายภาพ มาพร้อมกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 200 ล้านพิกเซล เสริมด้วย Nightography ที่พัฒนาให้เก็บภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นถึง 40% และเซ็นเซอร์อัลตร้าไวด์ 12 ล้านพิกเซลพร้อมออโต้โฟกัส ทั้งยังรองรับ ProVisual Engine และฟีเจอร์แก้ไขภาพด้วย Galaxy AI เช่น Audio Eraser
ภายใต้ตัวเครื่องที่เพรียวบาง ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite Mobile Platform for Galaxy เช่นเดียวกับ S25 Series ทุกรุ่นทั่วโลก มอบประสิทธิภาพการประมวลผล AI ที่ยอดเยี่ยม และระบบระบายความร้อน vapor chamber ที่ปรับปรุงใหม่ให้บางแต่กว้างขึ้น
นอกจากนี้ ยังผสาน Galaxy AI เข้ากับการใช้งานทุกส่วน ตั้งแต่การพิมพ์ ค้นหา ไปจนถึงฟีเจอร์ใหม่อย่าง Now Brief, Now Bar และ Gemini Live ที่ทำงานร่วมกับ Google โดยเน้นการประมวลผล AI บนเครื่อง (on-device) เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลผ่าน Samsung Knox Vault
Galaxy S25 Edge วางจำหน่ายใน 3 สี ได้แก่ Titanium Silver, Titanium Jetblack และ Titanium Icyblue ราคาจำหน่ายในสหรัฐฯ อยู่ที่เริ่มต้น 1,099 เหรียญ สำหรับรุ่น 256 GB ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลการวางจำหน่ายในประเทศไทยออกมาแต่อย่างใด