การลาโลกของ "สไกป์" (Skype) ไม่ได้แปลว่าเทคโนโลยี VoIP ถึงกาลอวสานแล้ว เพราะในขณะที่ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เจ้าของ Skype ตัดสินใจประกาศยุติการให้บริการไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2025 แต่ยังมีอีกหลายบริการคู่เทียบที่ยังคงเปิดให้ผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลก ยังคงใช้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อญาติมิตรเพื่อนฝูงในต่างแดน หรือแม้กระทั่งใช้ทำธุรกิจ โดยบริการทางเลือกเหล่านี้ยังไม่มีการประกาศรูดม่านปิดบริการตามไปแต่อย่างใด
สำหรับ Skype นั้นเป็นบริการที่อยู่คู่กับชาวเน็ตมาตั้งแต่ปี 2003 ถือเป็นบริการในยุคบุกเบิกของ VoIP หรือ Voice over Internet Protocol ที่ให้ชาวเน็ตสามารถโทรทางไกลราคาถูก คุยแชท และวิดีโอคอล หลายคนชื่นชอบความง่ายของบริการนี้ โดยเฉพาะเวลาตั้งค่าให้ผู้สูงอายุ ที่อาจใช้จนเคยชิน
สำหรับชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่อยู่ต่างแดน การใช้ Skype Number ที่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของสหรัฐฯนั้นสามารถรับรหัส OTP จากธนาคาร หรือโทรฟรีเบอร์ 800 ได้แม้จะไม่ได้อยู่ในอเมริกาเหนือก็ตาม ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับใครหลายคน
ในส่วนของ Microsoft งานหลักหลังจากปิดบริการ Skype คือการผลักดันให้ผู้ใช้ย้ายไป Microsoft Teams ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับองค์กร การประชุม และการทำงานร่วมกัน ข่าวดีคือบัญชี Skype เดิมสามารถล็อกอินเข้า Teams ได้เลย และรายชื่อผู้ติดต่อ แชท สามารถย้ายตามไปได้อัตโนมัติ
ใครที่มีเครดิต Skype เหลืออยู่ ก็ยังใช้โทรออกผ่านเว็บพอร์ทัลหรือ Teams ได้ตอเนื่อง ขณะที่ Skype Number จะยังรับสายได้จนกว่าจะหมดอายุสมาชิก แต่ต้องรับผ่าน Teams หรือเปิดหน้าเว็บ Skype ค้างไว้
อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญคือ Teams Phone หรือการโทรผ่าน Teams นั้นถูกมองว่าเหมาะสำหรับลูกค้าธุรกิจเป็นหลัก ไม่ใช่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่อยากจะโทรหาเพื่อนหรือครอบครัวแบบสบายๆ ดังนั้นบริการทางเลือกอื่นจึงถูกมองว่ายังไม่จำเป็นต้องยุติบริการไป เพราะยังมีกลุ่มที่ใช้งานอยู่
***VoIP โทรผ่านอินเทอร์เน็ตยังไม่ตาย!?
กูเกิลวอยซ์ (Google Voice) เป็นบริการโทรศัพท์ผ่านเน็ตจาก Google ที่ผู้ใช้ยังสามารถโทรออกจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ได้ มีเบอร์ Google Voice เป็นของตัวเองได้ หรือจะย้ายเบอร์จาก Skype มาก็ได้ แต่มีค่าธรรมเนียม 20 ดอลลาร์
ผู้ใช้สามารถโทรไปเบอร์ในสหรัฐฯ แคนาดา เปอร์โตริโก ได้ฟรี ส่วนประเทศอื่นนั้นมีค่าบริการต่างกันไป โดย Google Voice เวอร์ชั่นฟรีนั้นสงวนเฉพาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ใน 48 รัฐของอเมริกาเท่านั้น และต้องสมัครตอนที่ยังอยู่ในอเมริกา ใครที่อยู่ต่างประเทศแล้วจะไปสมัครใหม่โดยใช้ VPN จะไม่สามารถทำได้
นอกจากนี้ยังมีไวเบอร์ (Viber) อีกหนึ่งแอปที่หลายคนคุ้นเคยซึ่งตอนนี้เป็นของระคุเทน (Rakuten) จากญี่ปุ่น ข้อแตกต่างสำคัญคือ Viber ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ในการสมัคร ไม่เหมือน Skype ที่ใช้ยูสเซอร์เนม (Username) ได้ โดยผู้ใช้ Viber สามารถซื้อเครดิตโทรออกได้คล้าย Skype แต่ข้อมูลอัปเดตล่าสุดชี้ว่า Viber ไม่สามารถขอเบอร์ใหม่เพื่อรับสายได้แล้ว
บริการต่อมาคือซูมโฟน (Zoom Phone) บริการในเครือ Zoom ที่ชาวเน็ตใช้ประชุมออนไลน์กันบ่อยก็มีบริการ Zoom Phone ที่ผู้ใช้สามารถย้ายเบอร์มาได้ ส่ง SMS ได้ แต่ Zoom Phone ไม่ฟรี มีค่าบริการรายเดือน และมีค่าโทรระหว่างประเทศเพิ่มเติม เหมาะสำหรับคนที่อาจจะใช้ Zoom ในการทำงานอยู่แล้ว
สำหรับคนไทยในต่างแดนที่ต้องการเบอร์สหรัฐฯ นั้นอาจเลือกบริการ VoIP เป็นกลุ่ม MVNO ซึ่งให้บริการเครือข่ายไร้สายแบบเสมือนราคาประหยัด เช่น Tello ที่มีแพลนแพคเกจเริ่มต้นเดือนละ 5 ดอลลาร์ และสามารถเปิดใช้งานได้แม้อยู่นอกสหรัฐฯ แต่ข้อจำกัดคือต้องใช้งานผ่านเครือข่ายมือถือ ไม่ใช่โทรผ่านแอปบนคอมพิวเตอร์
บริการ VoIP อื่นๆนั้นมีอีกไม่น้อย เช่น Zoiper, VoIP.ms, CallCentric, Mytello, Virtual Landline หลายบริการเน้นรุกกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ขณะที่บริการ Hushed นั้นโปรโมทตัวเองเป็นทางเลือกแทน Skype โดยผู้ใช้สามารถซื้อเบอร์จากสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ หรือย้ายเบอร์ตัวเองมาได้ แต่อาจมีข้อจำกัดเพราะบางเบอร์อาจจะไม่สามารถรับ SMS ยืนยันตัวตนจากบางบริการได้ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบให้ดี
นอกจากนี้ การย้ายเบอร์ (Porting Number) สำหรับู้ใช้ที่มี Skype Number ที่ยังไม่หมดอายุและไม่อยากเสียเบอร์ไป ก็สามารถย้ายเบอร์ไปอยู่กับผู้ให้บริการรายใหม่ได้ ทั้งบริการค่ายมือถือ หรือบริการ VoIP อื่นๆ แต่ต้องเริ่มกระบวนการจากผู้ให้บริการใหม่ ไม่ใช่จาก Skype ขณะเดียวกัน การพักเบอร์ (Number Parking) ก็สามารถทำได้สำหรับผู้ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะย้ายไปไหน แต่อยากเก็บเบอร์เดิมไว้ก่อน ก็สามารถเลือกบริการ NumberBarn.com หรือ Parkmyphone.com เพื่อเก็บเบอร์แบบจ่ายค่าบริการรายเดือน และระบบจะส่งต่อ SMS ที่เข้ามาให้ผู้ใช้ โดยสามารถย้ายเบอร์ออกไปใช้กับบริการอื่นเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งการพักจะทำได้เฉพาะเบอร์สหรัฐฯ หรือแคนาดาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศระบุว่า eSIM ไม่รองรับการย้ายเบอร์ Skype มาใส่ เนื่องจากโครงสร้างที่ต่างกัน โดย Skype Number ไม่ได้ผูกกับเครือข่ายมือถือจริง ทำให้ไม่สามารถย้ายมาใส่ eSIM ได้ โดย eSIM ยังคงเหมาะกับการใช้อินเทอร์เน็ตราคาถูก ในเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศเช่นเดิม
สรุปแล้ว การที่ Skype ยุติบทบาทลงไม่ได้จึงหมายความว่าเทคโนโลยี VoIP จะถึงกาลอวสานไปด้วย ในทางตรงกันข้าม VoIP ยังคงเป็นรากฐานสำคัญและเติบโตอย่างแข็งแกร่งในการสื่อสารยุคดิจิทัล การปิดตัวของ Skype เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด การแข่งขันที่รุนแรงจากแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ดีกว่า หรือการปรับกลยุทธ์ของ Microsoft เองที่ต้องการผลักดัน Microsoft Teams มากกว่า แต่เทคโนโลยี VoIP ที่เป็นหัวใจหลักในการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตนั้นยังคงถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในบริการอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Zoom, Google Voice, WhatsApp Call, LINE Call หรือแม้แต่ใน Microsoft Teams เองก็ตาม
ดังนั้น การจากไปของ Skype จึงเป็นเพียงการสิ้นสุดของผลิตภัณฑ์หนึ่ง แต่เทคโนโลยี VoIP นั้นยังคงอยู่และพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง.
