NT ใกล้เดี้ยง! คดีเฉียดแสนล้านบี้หลัง-คลื่นหมดอายุ 3 ส.ค.68 ดัน 'วิศิษฏ์' นั่งประธานบอร์ด คุมเกมกู้วิกฤต ลุ้นย้ายลูกค้า 1.6 ล้านเบอร์ฝ่ามรสุม หาทางรอดก่อนธุรกิจทรุดทั้งระบบ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงการแต่งตั้ง นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT แทน นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ รองปลัดกระทรวงดีอี ว่า เป็นการปรับทัพเพื่อรับมือกับปัญหาสำคัญที่องค์กรต้องเผชิญ โดยเฉพาะการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านกฎหมาย
ทั้งนี้ NT กำลังมีข้อพิพาทกับบริษัทคู่สัญญาสัมปทานรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ True ในหลายคดี ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นคณะอนุญาโตตุลาการ โดยมีรายงานว่ามูลค่าความเสียหายที่ NT อาจต้องรับผิดรวมกันสูงกว่า 100,000 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด
อีกความท้าทายสำคัญ คือ การสิ้นสุดใบอนุญาตถือครองคลื่นความถี่ของ NT ในวันที่ 3 ส.ค.68 รวมจำนวน 4 ย่านคลื่น ได้แก่ คลื่นความถี่ย่าน 850 MHz จำนวน 2x15 MHz, คลื่นความถี่ย่าน 1500 MHz จำนวน 91 MHz, คลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz จำนวน 2x15 MHz และคลื่นความถี่ย่าน 2300 MHz จำนวน 60 MHz โดยทั้งหมดต้องถูกส่งคืนให้ สำนักงาน กสทช. เพื่อจัดการประมูลในวันที่ 29 มิ.ย.68
แม้จะเสียทรัพยากรหลักไป แต่ NT ยังมั่นใจว่า บริษัทจะไม่ขาดทุนในปี 2568 โดยก่อนหน้านี้ พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT ระบุว่า รายได้จากคลื่นมือถือจะหายไปเพียง 3,000 ล้านบาท จากรายได้รวมปีละราว 10,000 ล้านบาท เพราะ NT ได้วางแผนย้ายลูกค้าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากคลื่นความถี่ย่าน 850 MHz ไปยังคลื่น 700 MHz แล้ว
NT มีลูกค้าบนคลื่นความถี่ย่าน 850 MHz จำนวนทั้งสิ้น 1.6 ล้านเลขหมาย โดยจะทยอยโอนย้ายแบบอัตโนมัติ (OTA) ไปยังโครงข่ายคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz จำนวน 300,000 เลขหมาย ภายในสิ้นปี 2568 สำหรับลูกค้าที่ไม่มีอุปกรณ์รองรับคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz บริษัทอยู่ระหว่างหารือกับพันธมิตรเพื่อจัดหาแนวทางช่วยเหลือ
คลื่นความถี่ย่าน 700 MHz ที่ NT ถือครองมีแบนด์วิธ 5 MHz ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการโรมมิ่งลดลงถึง 30% เนื่องจากบริษัทตัดสินใจให้บริการเฉพาะ 4G เท่านั้น โดยมองว่า เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ทั้งด้านการโทรและอินเทอร์เน็ต และไม่จำเป็นต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มในการโรมมิ่งบริการ 5G ส่วนของต้นทุนบุคลากร NT มีแผนปรับลดพนักงานในสายงานบริการมือถือที่มีอยู่ราว 400 คน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาว
นอกจากนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า NT ได้เสนอแผนเยียวยารองรับการสิ้นสุดใบอนุญาตมาแล้ว แต่ยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน จึงขอให้ทบทวนและนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดอีกครั้ง เพื่อสรุปโมเดลธุรกิจที่จะช่วยให้องค์กรอยู่รอดภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่ NT ได้ลงทุนร่วมกับพันธมิตรเอกชน เช่น AIS และ True ได้ใช้งานเพียง 3-5 ปี เท่านั้น ซึ่งหากไม่สามารถรักษาคลื่นไว้ได้ต่อ อาจกระทบต่อความสามารถในการให้บริการลูกค้าในอนาคต โดยเฉพาะบริการที่อิงกับสถานีฐานที่ลงทุนไปแล้ว จึงต้องเร่งหาช่องทางสร้างรายได้ใหม่จากโครงข่ายที่มีอยู่อย่างเต็มศักยภาพ