เอดับบลิวเอส (AWS) ควงพันธมิตรจุดพลุงาน AWS Summit Bangkok 2025 ยิ่งใหญ่ หนึ่งในนั้นคือไลน์แมน วงใน (LINE MAN Wongnai) ที่เตรียมงบ 1 หมื่นล้านบาทตะลุยลงทุนเทคโนโลยีต่อเนื่อง 5 ปี
งานนี้เจ้าพ่อฟู้ดเดลิเวอรีเผยว่างบก้อนยักษ์จะรวมหมด ทั้งการจ้างคนฝั่งเทค ค่าเซิร์ฟเวอร์ ค่าเทคโนโลยี และค่าบำรุงรักษา ซึ่งจะครอบคลุมบริการของยักษ์ใหญ่คลาวด์ด้วยแน่นอน
ไลน์แมน วงใน ยอมรับว่าได้ข้อเสนอยั่วใจให้ย้ายไปใช้งาน ”รีเจียนไทย” หรือ AWS Asia Pacific Thailand Region ที่เปิดใ้ห้บริการครบ 112 วันหลังเริ่มก่อร่างในไทยด้วยงบประมาณยิงยาว 1.9 แสนล้านบาท 15 ปี เบื้องต้นยังไม่ได้ย้ายเนื่องจากบางบริการยังต้องการใช้รีเจียนที่สิงคโปร์ และยังอยู่ระหว่างการวางแผนรอบด้าน
***112 วัน รีเจียนไทย
นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ เอดับบลิวเอส (AWS) ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่สัญชาติอเมริกัน กล่าวบนเวทีงาน AWS Summit Bangkok 2025 ที่กรุงเทพฯ ว่าจากที่ AWS ประกาศการลงทุนครั้งใหญ่เมื่อปี 2022 ล่าสุดบริการรีเจียนในไทยนั้นมีการเปิดให้บริการแล้ว 112 วัน
วัตสันชี้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายส่วนในตลาดไทย ทั้งบริการด้านโครงสร้างคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถเปิดให้บริการเต็มตัว ซึ่งล่าสุด AWS ได้รับการรองรับจาก SAP ให้เป็นอินฟราสตรัคเจอร์ ที่เป็นพลับลิกคลาวด์รายแรกและรายเดียวที่ให้บริการอย่างเป็นทางการได้ในขณะนี้ ทำให้องค์กรมั่นใจและสมัครใช้บริการรีเจียนไทยในช่วง 4 เดือนแรกที่เปิดให้บริการ
“AWS Asia Pacific Thailand Region นั้นใช้มาตรฐานเดียวกันกับรีเจียนระดับโลกทั้งเรื่องประสิทธิภาพ ความเสถียร และความปลอดภัย ซึ่งได้รับการรับรองระดับสากลโดยไม่มีการประณีประนอม โดยเทคโนโลยี Cloud และ AI ของ AWS ได้ช่วยให้หลายองค์กรปฏิวัติการดำเนินงานได้เร็ว เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ใช้ AI จาก AWS ช่วยประเมินสินทรัพย์ได้ในเวลา 15 นาทีจากที่เคยใช้ต้องเวลา 3 วัน นอกจากนี้ยังมีเซเวนอีเลฟเวน (7-Eleven) ที่ใช้ AI ของ AWS บริหารจัดการร้านจนลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกได้ 40% รวมถึงทรู (True) ที่ใช้ AI ทำ Digital Twin เพื่อดึงข้อมูลในเครือข่ายมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลเชิงลึกได้ในไม่กี่นาทีจากที่เคยใช้เวลากว่า 4 วัน”
จากข้อมูลที่ AWS เผย พบว่า 16 องค์กรใหญ่ที่นำร่องใช้รีเจียนไทยแล้ว ประกอบด้วยกลุ่มบริการด้านการเงิน อสังหาฯ ค้าปลีก องค์กรรัฐ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี และบริษัทวิจัยข้อมูล ซึ่งเบื้องต้นยังมีหลายรายที่ยังไม่ย้ายไปใช้งาน เนื่องจากต้องวางแผนบริหารค่าใช้จ่ายในการย้ายรีเจียนอย่างรอบคอบ และบางส่วนยังไม่เห็นความจำเป็นของการลดความหน่วงในการรับส่งข้อมูล
***จะย้ายต้องวางแผน
นายยอด ชินสุภัคกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวถึงแผนการลงทุนด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ว่ามุ่งใช้ใน 2 พื้นที่ คือการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ทั้งคอลเซนเตอร์ ที่มีรูปแบบการสอบถามอยู่แล้ว และการเขียนโปรแกรมที่คาดหวังว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาชุดคำสั่งที่เร็วขึ้น นอกจากนี้คือการแนะนำร้านที่จะทำให้ลูกค้าได้พบเจอร้านที่ดีกว่าข้อมูลประวัติเดิมจากเทคโนโลยีเรียนรู้ด้วยเครื่องหรือ ML เบื้องต้นคาดว่าจะพร้อมเปิดใช้ได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า
“งบประมาณปีละ 2 พันล้านบาท ถือเป็นการลงทุนเทคโนโลยีของเราที่เพิ่มทุกปีไม่เคยหยุดนิ่ง นอกจากการลงทุนในบริการส่งอาหาร เรายังมุ่งลงทุนในบริการด้านการชำระเงินหรือเพย์เมนต์ คาดว่าน่าจะต้องลงอีกในแง่เทคโนโลยี และมีแผนขยายไปในอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ใช่อาหาร เช่นกลุ่มสินค้าความงาม”
ยอดเผยว่าระบบจ่ายงานให้ผู้ขับหรือไรเดอร์ คือส่วนที่ใช้ AI มากที่สุด และมีการลงทุนหนาที่สุด เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับทั้งร้านค้า ผู้บริโภค ผู้ขับ และสภาพอากาศ โดยธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2024 ที่ผ่านมา คือบริการด้านการชำระเงิน ซึ่งธุรกิจที่ยังเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ให้ไลน์แมน วงใน คือฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่ทำรายได้มากกว่า 80% และปัจจุบันสามารถลดต้นทุนรวมถึงทำส่วนต่างกำไรได้มากขึ้นทุกปี ล่าสุดหน่วยธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ทำกำไรแล้วตั้งแต่ปี 67 เชื่อว่าจะไม่มีการขาดทุนทั้งบริษัทในปีนี้
“สถานการณ์นี้ค่อนข้างยั่งยืน เพราะทุกออเดอร์สามารถทำกำไรได้แล้ว ยั่งยืนในระดับหนึ่ง พิษเศรษฐกิจมีผลนิดหน่อย เพราะเราไม่ได้เป็นบริการด้านการท่องเที่ยวหรือส่งออกที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่เป็นบริการเพื่อการอุปโภคบริโภคสำหรับคนท้องถิ่น ซึ่งสุดท้ายหากคนในชาติมีภาวะฝืดเคือง ก็จะได้รับผลกระทบบ้างแน่นอน”
ปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยฟู้ดเดลิเวอรี่ของลูกค้าไลน์แมนวงในอยู่ที่ราว 200 บาท ค่าเฉลี่ยกรุงเทพจะสูงสุด ลดลั่นไปตามจังหวัด เช่น จังหวัดขนาดเล็กอาจมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยหลักร้อยต้น แต่กรุงเทพฯชั้นกลางมีมูลค่าสูงกว่า 2 เท่า คือราว 300 บาท
สำหรับตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ไทย ยอดเชื่อว่าจะเกิดการต่อสู้กันในสภาวะที่เหมาะสม และภายใน 1 ปีจะเหลือฟู้ดเดลิเวอรี่ราว 2-3 รายในตลาดไทย
ยอดย้ำอีกว่าขณะนี้ธุรกิจของไลน์แมน วงใน มีสถานะทำกำไรแทบทุกส่วน แต่ 2 ส่วนที่ยังไม่กำไรคือบริการเรียกรถและบริการชำระเงิน โดยตัวที่ทำกำไรดีที่สุดคือโฆษณา เบื้องต้นยังไม่มีแผนนำ AI มาจับธุรกิจโฆษณา ขณะที่ธุรกิจดาวรุ่งจะเป็นบริการชำระเงิน เนื่องจากมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดและบริษัทยังลงทุนอยู่
“ปีที่แล้ว บริการด้านชำระเงินเติบโต 4 เท่าตัว ผลจากการควบรวมกับบริการแรบบิท ไลน์เพย์ ยังต้องใช้เวลาหลายปีในการปรับและสร้างบริการดิจิทัลเพย์เมนต์ให้มีกำไร ผมขอเวลา 5 ปี ในการทำให้บริการชำระเงินของไลน์แมน วงใน ขยายใหญ่ขึ้น เบื้องต้นมีความมั่นใจเพราะในเศรษฐกิจดิจิทัล ธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ครองสัดส่วนตลาดใหญ่ที่สุด และตลาดรวมมีขนาดใหญ่กว่าฟู้ดเดลิเวอรี่กว่า 10 เท่า”
5 ปีที่ยอดระบุไว้นั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ไลน์แมน วงใน จะลงทุนในเทคโนโลยีต่อเนื่องบนมูลค่าหมื่นล้านบาท โดย 5 ปีที่ผ่านมา ยอดชี้ว่าบริษัทได้ลงทุนไปไม่ต่ำกว่า 8 พันล้านบาท ทั้งการจ้างคน ค่าเซิร์ฟเวอร์ ค่าเทคโนโลยี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งย่อมมีค่าใช้จ่ายด้านคลาวด์ของบริษัทรวมอยู่ และไม่เพียงไลน์แมน วงใน แต่ผู้เล่นในวงการฟู้ดเดลิเวอรี่ค่ายอื่นก็ใช้บริการ AWS เช่นกัน
นายภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี LINE MAN Wongnai เผยว่าบริษัทได้รับข้อเสนอจาก AWS ให้ย้ายมาใช้บริการรีเจียนไทย เนื่องจากราคาที่น่าดึงดูดกว่าในสัดส่วนลดลงเป็นเลข 2 หลัก แต่เบื้อวต้นยังไม่ได้ย้ายเนื่องจากต้องวางแผนร่วมกันรอบด้าน
“การย้ายต้องดูหลายมุม อาจมีบางบริการที่ต้องใช้รีเจียนในสิงคโปร์อยู่ ซึ่งถ้ามีในรีเจียนไทยแล้วก็จะพิจารณาใช้มากขึ้น เนื่องจากการใช้คลาวด์ที่อยู่ในพื้นที่โลคัลย่อมดีกว่า ทั้งด้านความเร็ว การปฏิบัติตาม PDPA และต้นทุน”
***AWS มุ่งดิจิทัลคอมเมิร์ซ
สำหรับงาน AWS Summit Bangkok 2025 นั้นเป็นงานใหญ่ที่ AWS จัดขึ้นในไม่เกิน 30 เมืองทั่วโลก แต่สามารถจัดขึ้นที่ไทยเป็นปีที่ 2 โดยทิศทางที่สำคัญในงานคือ AWS ส่งสัญญาณให้ความสำคัญกับการผงาดของ”ดิจิทัลคอมเมิร์ซ” หรือการพาณิชย์ดิจิทัลที่มีสถิติว่าภายในปีนี้ นักช้อปดิจิทัลทั่วโลกจะจับจ่ายออนไลน์ถึง 7.391 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และอีคอมเมิร์ซก็มีแนวโน้มที่จะครองสัดส่วนเกือบ 25% ของยอดขายปลีกทั่วโลกภายในปี 2025
นางสาวทิพมาศ อจลากุล Head of Commercial Industries ของ AWS Thailand ให้ข้อมูลว่าอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของประเทศไทย นั้นมีมูลค่าธุรกรรมประมาณ 31,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 คาดว่ามูลค่าธุรกรรมจะดีดตัวแตะระดับ 51,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2027.
