นาทีนี้ดูเหมือนว่าใครๆ ก็เลือกพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจน (hydrogen) จับตาอิทธิพลเทคโนโลยีไฮโดรเจนที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมและการทหารทั่วโลก ทั้งวงการโดรนที่ทำสถิติขึ้นบินได้นานกว่า และอาวุธระเบิดทรงพลังที่ให้แรงทำร้ายล้างน่าเกรงขามยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องใช้นิวเคลียร์
***โดรนเข้ายุคไฮโดรเจน?
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจกำลังเกิดขึ้นหลังจากที่โลกคุ้นเคยกับโดรนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่บินได้เพียงไม่กี่สิบนาที ล่าสุดเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้ส่งสัญญาณเข้ามาพลิกโฉมด้วยการเพิ่มระยะเวลาบินได้มากถึง 3-5 เท่า
ล่าสุด ประเทศจีนสามารถประสบความสำเร็จในการพัฒนาโดรนไฮโดรเจนขนาด 50 กิโลกรัม ที่สามารถบินต่อเนื่องได้ถึง 30 ชั่วโมง โดยเป็นสถิติใหม่ระดับประเทศและก้าวสู่ระดับแนวหน้าของโลก
ไม่เพียงเท่านั้น โดรนรุ่นนี้ยังใช้ระบบปล่อยตัวอัตโนมัติจากยานพาหนะภาคพื้นดิน ทำให้สามารถปฏิบัติการได้แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีรันเวย์มาตรฐาน
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งอิสราเอลและสหรัฐฯ ได้ร่วมมือในนามบริษัท ฮาเวนโดรนส์ (HevenDrones) และมาช อินดรัสทรีส์ (Mach Industries) เพื่อผลิตโดรนเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับการทหาร โดยมีเป้าหมายที่น่าตื่นใจ คือการผลิตให้ได้ 1,000 ลำต่อเดือน และอาจเพิ่มเป็น 1,000 ลำต่อวันในอนาคต
ยังไม่หมด เพราะโดรน H2D250 ของ HevenDrones สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 10 ปอนด์ และบินได้นาน 10 ชั่วโมง ระยะทางราว 100 ไมล์ ด้วยไฮโดรเจนเพียงแค่ 1 ปอนด์เท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ การพัฒนาสถานีเติมไฮโดรเจนที่สามารถขนย้ายไปยังฐานทัพห่างไกลได้ ทำให้สามารถผลิตไฮโดรเจนได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อยุทธศาสตร์ทางทหารในอนาคต
***อาวุธรุนแรง
เทคโนโลยีไฮโดรเจนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โดรนเท่านั้น อีกด้านหนึ่งที่น่าจับตามองคือ การพัฒนาอาวุธไฮโดรเจนแบบไม่ใช่นิวเคลียร์ โดยนักวิจัยจีนได้พัฒนาระเบิดขนาด 2 กิโลกรัมที่ใช้แมกนีเซียมไฮไดรด์ซึ่งเป็นผงที่เก็บไฮโดรเจนในรูปแบบของแข็ง
เมื่อระเบิดถูกจุด จะปลดปล่อยไฮโดรเจนและเกิดลูกไฟที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส และที่พิเศษกว่านั้นคือ การเผาไหม้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องนานกว่า 2 วินาที ซึ่งยาวนานกว่าระเบิด TNT แบบเดิมถึง 15 เท่า! และสามารถหลอมละลายโลหะได้ในพื้นที่กว้าง
แม้พลังระเบิดจะเพียง 40% ของ TNT แบบเดิม แต่ความร้อนและระยะเวลาที่ปล่อยออกมานั้นสูงกว่าและนานกว่ามาก ทำให้เหมาะกับการใช้งานในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำลายโดรนฝูงใหญ่ หรือปฏิเสธการเข้าถึงพื้นที่ของฝ่ายตรงข้าม
แต่อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป เทคโนโลยีไฮโดรเจนไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะด้านการทหารเท่านั้น แต่มีศักยภาพอย่างมากในการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการใช้โดรนไฮโดรเจนในการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ หรือการจัดการเมืองอัจฉริยะ
ที่สำคัญ เมื่อเทียบกับโดรนแบตเตอรี่แบบเดิม ระบบไฮโดรเจนให้ความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า และปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ เรียกว่าสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาการบินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เทคโนโลยีไฮโดรเจนจึงส่งสัญญาณพร้อมเข้ามาเปลี่ยนโลกในหลายด้านแน่นอน.