ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ บังคับใช้ พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ - พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัลฯ เริ่ม 13 เมษายน ใช้คุ้มครองประชาชนถูกหลอกจากมิจฉาชีพ ให้อำนาจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระงับธุรกรรมต้องสงสัย รวมถึงให้ผู้ให้บริการฯ ร่วมรับผิดชอบ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล (ดีอี) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดยพระราชกำหนดทั้ง 2 ฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป (13 เมษายน 2568)
1.พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ให้ไว้ ณ วันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2568 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พระราชกำหนดนี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้ โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
2.พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ให้ไว้ ณ วันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2568 พระราชกำหนดนี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้ โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
โดยมีส่วนที่ปรับปรุงเพิ่มเติมคือให้สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
รวมถึงเปิดทางให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ สามารถสั่งระงับการทำธุรกรรมที่เป็นบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรากฏพยานหลักฐาน อันควรเชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยทันที หรือเพิกถอนการระงับการทำธุรกรรมดังกล่าวในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่ามิได้เกี่ยวข้อง