xs
xsm
sm
md
lg

Tim Cook ไหวไหม? รับมือภาษีนำเข้า iPhone ที่ผลิตในจีน 125%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลุ้น "ทิม คุก" (Tim Cook) รับมือกับภาษีนำเข้าไอโฟน (iPhone) ที่ผลิตในจีน 125% นักวิเคราะห์คาดแม้จะเคยสามารถขอยกเว้นภาษีได้ในสงครามการค้าช่วงรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ศึกรอบนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และอาจนำไปสู่ผลกระทบต่อผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวกของแบรนด์ดังอย่างแอปเปิล (Apple)

ต้นเรื่องคือวันที่ 9 เมษายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศมาตรการภาษีใหม่ที่สร้างความตกตะลึงให้กับหลายฝ่าย โดยมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งเป็นฐานการผลิต iPhone หลักของ Apple ไปอยู่ที่ระดับ 125 เปอร์เซ็นต์

เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อราคา iPhone แน่นอน ก่อนหน้านี้ในช่วงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในสมัยแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ ซีอีโอของ Apple เคยสามารถเจรจาขอยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าของบริษัทได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในครั้งนี้จะไม่ราบรื่นเหมือนเก่า


ถึงแม้ว่า Apple จะพยายามปรับตัวด้วยการเพิ่มการผลิตในประเทศอื่น ๆ เช่น อินเดียและเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีการให้เวลา 90 วันก่อนที่จะมีการเก็บภาษีนำเข้า แต่ฐานการผลิตส่วนใหญ่ของ iPhone ยังคงอยู่ในประเทศจีน และข้อมูลล่าสุดระบุว่า iPhone ที่จำหน่ายทั่วโลกกว่า 90 เปอร์เซ็นต์นั้นผลิตในจีน

ผลกระทบจากภาษี 125 เปอร์เซ็นต์นี้ ย่อมส่งผลให้ต้นทุนการผลิต iPhone พุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน นักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากมีการเก็บภาษีที่ 54 เปอร์เซ็นต์ (ซึ่งตอนนี้เพิ่มขึ้นไปอีกมาก) ราคา iPhone 16 Pro Max รุ่นที่แพงที่สุดของ Apple ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 1,199 ดอลลาร์สหรัฐ อาจปรับตัวสูงขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อพิจารณาจากภาษี 125 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน ตัวเลขนี้ก็น่าจะสูงขึ้นไปอีกมากเลยทีเดียว

แน่นอนว่า Apple ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามที่จะกระจายความเสี่ยงด้านการผลิตไปยังประเทศอื่น ๆ มากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยอินเดียกลายเป็นฐานการผลิต iPhone ที่สำคัญมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ Apple ยังพึ่งพาเวียดนามสำหรับการประกอบผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Apple Watch และ iPad รวมถึงมาเลเซียและไทยที่มีบทบาทในการผลิตเครื่อง Mac

อย่างไรก็ตาม ประเทศเหล่านี้ก็ยังคงเผชิญกับภาษีนำเข้าภายใต้นโยบายใหม่นี้เช่นกัน โดยมีอัตราภาษีอยู่ที่ 24-46 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่า Apple อาจจะพิจารณาที่จะย้ายฐานการผลิต iPhone ไปยังอินเดียมากขึ้น แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร กว่าที่อินเดียจะสามารถเข้ามาทดแทนกำลังการผลิตของจีนได้อย่างมีนัยสำคัญ


คำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ Apple จะสามารถเจรจาขอยกเว้นภาษีได้อีกครั้งหรือไม่? จากท่าทีของรัฐบาลในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าโอกาสในการได้รับการยกเว้นนั้นค่อนข้างริบหรี่ เพราะมีการระบุอย่างชัดเจนว่าจะ "ไม่มีการยกเว้นในขณะนี้"

ทางเลือกอีกทางหนึ่งที่ Apple อาจจะต้องพิจารณาก็คือการย้ายฐานการผลิตกลับไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของนโยบายภาษีนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า การย้ายฐานการผลิตเพียง 10 เปอร์เซ็นต์จากเอเชียกลับมายังสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่สำคัญคือ ต้นทุนการผลิต iPhone ในสหรัฐฯ นั้นสูงมาก จนมีการคาดการณ์ว่า iPhone ที่ผลิตในอเมริกานั้นอาจมีราคาสูงถึง 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ดังนั้น สิ่งที่เราต้องติดตามดูกันต่อไปก็คือ Apple จะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร ซึ่งไม่แน่ โลกอาจจะได้เห็นการปรับขึ้นราคา iPhone ครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานครั้งสำคัญก็ได้.


กำลังโหลดความคิดเห็น