ทำความรู้จักสตาร์ทอัปสุดฮอตที่กำลังปฏิวัติวงการหาคู่ออนไลน์ นั่นคือ "Coffee Meets Bagel" หรือ CMB แอปพลิเคชันเดทติ้งที่มีแนวคิดแตกต่างจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง การันตีขจัดความเบื่อจากการต้องปัดซ้ายปัดขวาแบบไม่จบสิ้น ด้วยการคัดกรองคู่แมทช์อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกเที่ยงวัน ผู้ใช้จะได้รับการแนะนำคู่แมทช์ที่เรียกว่า "bagels" ซึ่งคัดสรรโดยอัลกอริทึมอัจฉริยะที่พิจารณาทั้งภูมิหลัง การศึกษา อาชีพ ความสนใจ และเพื่อนที่มีร่วมกัน
***โฟกัสที่ผู้หญิงและคุณภาพของการจับคู่
ใครที่เหนื่อยกับการเจอคนที่ไม่ตรงสเปคซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขอให้มามุงกันที่ Coffee Meets Bagel แอปที่ก่อตั้งโดย 3 ศรีพี่น้องตระกูลคัง ได้แก่ ดาวูน, ซู และอารีอึม ด้วยแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นคือการสร้างแพลตฟอร์มเดทติ้งที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงและคุณภาพของการจับคู่ แทนที่จะแข่งปริมาณ
จุดเด่นของ CMB คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่แอปเดทติ้งทั่วไปมักเจอ นั่นคือสัดส่วนผู้ใช้ชาย-หญิงที่ไม่สมดุล เช่น บางแพลตฟอร์มมีผู้ใช้ชายมากถึง 85% ซึ่งทำให้ประสบการณ์การใช้งานไม่น่าปลื้มเท่าใดนัก
CMB แก้ปัญหานี้ด้วยการคัดกรองคู่แมทช์อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการแนะนำคู่แมทช์ที่เรียกว่า "bagels" ในทุกเที่ยงวัน คู่ bagel จะคัดสรรโดยอัลกอริทึมอัจฉริยะที่พิจารณาทั้งภูมิหลัง การศึกษา อาชีพ ความสนใจ และเพื่อนร่วมกัน ซึ่งผู้หญิงที่ต้องการประหยัดเวลา CMB จะแสดงเฉพาะผู้ชายที่กด "ไลค์" แล้วเท่านั้น ส่วนผู้ชายจะได้รับการแนะนำได้สูงสุด 21 คน ถ้าสนใจก็กด "ไลค์" ไม่สนใจก็ "ผ่าน" ไป
ที่น่าสนใจคือทีม CMB เคยปรากฏตัวในรายการ Shark Tank และสร้างความฮือฮาเมื่อปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์จากมาร์ก คิวบาน (Mark Cuban) ตอกย้ำถึงความมั่นใจในวิสัยทัศน์ของทีมผู้ก่อตั้ง
เรื่องราวของแอป Coffee Meets Bagel ถูกเล่าบนเวที Shark Tank ซีซั่น 6 ว่า 3 พี่น้องตระกูลคังได้เริ่มต้นธุรกิจนี้ตั้งแต่ปี 2012 ที่นิวยอร์ก โดยมีแนวคิดชัดเจนว่าจะสร้างพื้นที่ที่ผู้หญิงรู้สึกสบายใจในการหาคู่’ และใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงข้อมูลจาก Facebook เพื่อจับคู่ให้ตรงใจที่สุด
***ผ่าที่มา Coffee Meets Bagel บนเวที Shark Tank
เวลานั้นทีมผู้ก่อตั้งได้นำเสนอ Coffee Meets Bagel บนเวที Shark Tank พร้อมขอเงินลงทุน 500,000 ดอลลาร์แลกกับหุ้น 5% พร้อมโชว์ตัวเลขการเติบโตที่น่าประทับใจ ซึ่งท่ามกลางผู้ลงทุนหลายคนที่ลังเล แต่ *Mark Cuban* มหาเศรษฐีเจ้าของทีมบาสชื่อดัง กลับเสนอซื้อกิจการทั้งหมดในมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นข้อเสนอที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์รายการตอนนั้นเลยทีเดียว
แต่ 3 สาวก็ปฏิเสธจนถูกผู้ชมบางส่วนวิจารณ์ โดยเดินหน้าต่ออย่างไม่หวั่นไหว ผลลัพธ์คือเพียงไม่กี่เดือนหลังออกอากาศ ก็สามารถระดมทุนได้ถึง 7.8 ล้านดอลลาร์ และต่อมาก็ได้รับเพิ่มอีก 12 ล้านดอลลาร์ในรอบ Series B
แน่นอนว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ปี 2019 Coffee Meets Bagel เผชิญเหตุการณ์ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลกว่า 6 ล้านบัญชี และในปี 2023 ก็ถูกแฮกเกอร์เจาะระบบจนต้องหยุดให้บริการชั่วคราวในหลายประเทศ
แต่ถึงอย่างนั้น Coffee Meets Bagel ก็ยังคงยืนหยัด และพัฒนาแอปอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอดแมตช์เกิน 150 ล้านคู่ ทำรายได้ปีละ 36 ล้านดอลลาร์ และมูลค่าบริษัททะลุ 150 ล้านดอลลาร์ไปแล้วเรียบร้อย
ล่าสุดในปี 2024 บริษัทได้แต่งตั้ง "Shn Juay" อดีตผู้บริหารจาก Paktor มาดำรงตำแหน่ง CEO ฝ่ายต่างประเทศ เพื่อขยายฐานผู้ใช้ในระดับสากล โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
***บุกหนักอาเซียน
ปัจจุบัน รูปแบบธุรกิจของ Coffee Meets Bagel ยังเป็นแบบ freemium ที่ให้ดาวน์โหลดและสมัครใช้งานฟรี แต่ผู้ใช้สามารถซื้อ "coffee beans" สกุลเงินเสมือนในแอปเพื่อปลดล็อกบริการพรีเมียมต่างๆ ได้ โดย CMB เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในหลายประเทศ รวมถึงฮ่องกงและสิงคโปร์ในเอเชีย แต่ผู้ใช้จากทั่วโลกสามารถดาวน์โหลดและลงทะเบียนได้
ที่สุดแล้ว Coffee Meets Bagel เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม และสะท้อนให้เห็นว่าแม้ในตลาดเทคโนโลยีหาคู่ที่มีผู้เล่นเบอร์ใหญ่อยู่แล้ว การสร้างจุดยืนที่แตกต่างด้วยแนวคิดที่ใส่ใจผู้ใช้อย่างแท้จริง ก็สามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าประทับใจคือวิสัยทัศน์ของดาวูน ที่ต้องการให้ CMB เป็น "ตัวเชื่อมความสัมพันธ์ที่จริงใจและแท้จริงสำหรับคนรุ่นนี้และรุ่นต่อๆ ไป" โดย CMB สามารถโยงความเชื่อมั่นว่ากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนของการสร้างความสัมพันธ์ และอาจเป็นเทรนด์ในการกำหนดรูปแบบการเดทในอนาคตด้วย
ในส่วนของดาวูนและพี่น้อง การเติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ โดยได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อที่ก่อตั้งบริษัทในเกาหลี บวกกับความรักในการทำงานร่วมกันสไตล์พี่น้อง และความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาที่ผู้คนในสังคมเผชิญ ทำให้ ดาวูนและอีก 2 ผู้ก่อตั้งเลือกที่จะปักหลักทำธุรกิจในอุตสาหกรรมเดทติ้ง เพราะเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพคือตัวทำนายความสุขของมนุษย์ที่สำคัญที่สุด
สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพ ดาวูนแนะนำให้ "ฝันให้ใหญ่ แต่ตั้งเป้าหมายเล็กๆ" และมองว่าสตาร์ทอัปเป็นการเดินทางระยะยาว และต้องมีวิสัยทัศน์ที่สร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงควรมีสิ่งที่หลงใหลหรือชื่นชอบด้วยใจจริง ซึ่งจะผลักดันให้ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้.
