xs
xsm
sm
md
lg

ทรู ดึง ’โมบิลิตี้ดาต้า‘ เผยช่วงแผ่นดินไหว โทร. พุ่ง 5 เท่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งสามารถรู้สึกได้ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที พฤติกรรมการสื่อสารของผู้ใช้งานบนเครือข่ายทรูและดีแทคเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน โดยปริมาณการโทรออก (Voice Call) พุ่งสูงเฉลี่ยกว่า 5 เท่า ขณะเดียวกัน การใช้งานดาต้า (Data) ก็เปลี่ยนทิศทางอย่างเห็นได้ชัด

การโทรกลายเป็นช่องทางเร่งด่วนในการติดต่อระหว่างบุคคล ส่วนดาต้าถูกใช้เพื่อการสื่อสารอย่างมีเป้าหมาย ผ่านแอปอย่าง LINE Messenger และ X เพื่อติดต่อ ตอบกลับข้อความ และเช็กข้อมูลข่าวสาร สะท้อนพฤติกรรมของผู้ใช้งานในภาวะฉุกเฉินที่ต้องการติดต่อสื่อสารอย่างทันท่วงที

จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ข้อมูลการใช้งานบนเครือข่ายทรูและดีแทคสะท้อนภาพชัดเจนถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานในช่วงเวลาฉุกเฉิน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่

การใช้งานเสียง (Voice Usage)

* ช่วงเวลา 13:30 – 13:45 น. เป็นช่วงที่ปริมาณการโทรบนเครือข่ายทรูและดีแทคเพิ่มขึ้นสูงที่สุด

เครือข่ายทรู
* ปริมาณการโทรออกเพิ่มขึ้นสูงสุด 465% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวันที่ 27 มีนาคม 2568 (จาก 1.57 ล้านครั้ง เป็น 8.89 ล้านครั้ง)
* จุดที่การโทรออกพุ่งขึ้นสูงสุดอยู่ที่เวลา 13:33 น. โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 299,000 ครั้ง หรือคิดเป็น 672% จากค่าปกติในช่วงเวลาดังกล่าว

 เครือข่ายดีแทค
* ปริมาณการโทรออกเพิ่มขึ้นสูงสุด 545% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวันที่ 27 มีนาคม 2568 (จาก 2.67 ล้านครั้ง เป็น 17.23 ล้านครั้ง)
* จุดที่การโทรออกสูงที่สุดคือเวลา 13:32 น. เพิ่มขึ้น 300,000 ครั้ง หรือคิดเป็น 1,061% จากค่าปกติ

* การโทรภายในเครือข่ายเดียวกัน เพิ่มขึ้น 65% ขณะที่การโทรข้ามเครือข่าย เพิ่มขึ้น 121%
* ปริมาณการโทรออกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในชั่วโมงแรก แม้จะลดลงในช่วงเวลาต่อมา แต่ยังคงสูงกว่าปกติจนถึงเวลาเที่ยงคืน
ปริมาณการโทรออกเทียบเป็นรายภาค ในช่วงการโทรสูงสุด

เครือข่ายทรู จุดที่มีการโทรออกสูงที่สุดคือเวลา 13:33 น. โดยเรียงลำดับจากภาคที่มีการเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดังนี้
* กรุงเทพมหานคร +1,171%
* ภาคตะวันตก +618%
* ภาคใต้ +455%
* ภาคตะวันออก +426%
* ภาคกลาง +285%
* ภาคเหนือ  +112%
* ภาคอีสานตอนบน +82%

เครือข่ายดีแทค  จุดที่มีการโทรออกสูงที่สุดคือเวลา 13:32 น. โดยเรียงลำดับจากภาคที่มีการเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดังนี้
* กรุงเทพมหานคร  +1,983%
* ภาคตะวันตก +1,054%
* ภาคกลาง  +822%
* ภาคเหนือ +541%
* ภาคตะวันออก  +269%
* ภาคใต้ +229%
* ภาคอีสานตอนบน  +103%

จากข้อมูลข้างต้น อาจสรุปได้ว่าในภาวะฉุกเฉิน ผู้ใช้งานมีแนวโน้มเลือกใช้ “การโทร” (Voice Call) เป็นช่องทางหลักในการติดต่อสื่อสาร โดยปริมาณการโทรออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงบทบาทของการสื่อสารด้วยเสียงในภาวะฉุกเฉิน เพื่อยืนยันความปลอดภัยระหว่างบุคคลอย่างทันท่วงที

การใช้งานดาต้า (Data Usage)

* พบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งานดาต้าอย่างชัดเจนในช่วงเวลา 13:15 – 14:15 น. โดยช่วงเวลา 13:15–13:30 น. ปริมาณการใช้ดาต้าบนทั้งสองเครือข่ายลดลง สะท้อนการหยุดชะงักชั่วขณะจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
* จากนั้นตั้งแต่ 14:00 – 19:00 น. การใช้งานดาต้ากลับมาสูงขึ้น มากกว่าค่าปกติ อย่างต่อเนื่อง
* ปริมาณการใช้งานดาต้าของทรู เพิ่มขึ้นประมาณ 917 เทราไบต์ (9%)
* ปริมาณการใช้งานดาต้าของดีแทค เพิ่มขึ้นประมาณ 653 เทราไบต์ (13%)

พฤติกรรมการใช้งาน 7 แอปพลิเคชันยอดนิยมในช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหว

เมื่อพิจารณาการใช้งานของ 7 แอปยอดนิยม (Facebook, Messenger, Instagram, TikTok, YouTube, LINE, X) ในช่วงเวลา 13:15–14:15 น. พบว่าทั้ง ทรู และ ดีแทค มีแนวโน้มคล้ายกัน คือ:
* แอปสื่อสาร เช่น Twitter, LINE, Messenger มีการใช้งานเพิ่มขึ้นมากที่สุด
* แอปวิดีโอ เช่น YouTube และ TikTok มีการใช้งานลดลงหรือเพิ่มเพียงเล็กน้อย
สะท้อนว่าในภาวะฉุกเฉิน ผู้ใช้งานมุ่งไปที่การสื่อสารแบบทันที และการตรวจสอบสถานการณ์

เครือข่าย True
* ใช้ดาต้าเพิ่มขึ้น 469,118 MB (+16%) จุดพีคของการใช้แอปคือเวลา 16:33 น.
* X +199%
* LINE +74%
* Messenger +41%
* Facebook +35%
* YouTube -7.8%
* TikTok -0.9%

เครือข่ายดีแทค
* ใช้ดาต้าเพิ่มขึ้น 290,063 MB (+17%) จุดพีคของการใช้แอปเกิดขึ้นที่ 13:25 น. ทันทีหลังรับรู้เหตุการณ์
* Twitter (X) +162%
* LINE +90%
* Messenger +77%
* Facebook +33%
* YouTube -6%
* TikTok +0.6%

จากข้อมูลข้างต้น อาจสรุปได้ว่าในภาวะฉุกเฉิน ผู้ใช้งานมีแนวโน้มปรับพฤติกรรมไปใช้แอปที่เน้นการสื่อสาร มากกว่าการเปิดดูคอนเทนต์วิดีโอ เป็นการใช้ดาต้าโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันความปลอดภัย รับรู้ข่าวสาร และติดต่อผู้คนในช่วงเวลาสำคัญ


กำลังโหลดความคิดเห็น