แกร็บมั่นใจยังครองความเป็นผู้นำธุรกิจแอปเรียกรถ และแอปสั่งอาหารอันดับ 1 ในไทย หลังทำงานใกล้ชิดกับภาครัฐผลักดันส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว และนำเสนอทางเลือกบริการในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมเทคโนโลยีใหม่ตอบโจทย์การใช้งาน
น ส.จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ยอดเยี่ยมของแกร็บ ประเทศไทย โดยเรายังคงครองความเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ผู้ใช้ให้ความเชื่อมั่นทั้งในบริการเรียกรถผ่านแอปและเดลิเวอรี ทั้งยังสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกธุรกิจ
ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ประเทศไทย ผ่านกิจกรรมสำคัญอย่างการเปิดให้บริการจุดรับส่งในสนามบินหลักทั้ง 4 แห่ง อันได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และเชียงใหม่ การทำแคมเปญเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตลอดทั้งปี
โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองรอง ควบคู่ไปกับการขยายบริการเรียกรถไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ตลอดจนการร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนจัดตั้งภาคีเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (Tourism Taskforce) เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค
“จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ในปีที่ผ่านมา มียอดใช้บริการเรียกรถในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 138% ส่วนหนึ่งมาจากการร่วมกับท่าอากาศยานเพื่อให้บริการจุดเรียกรถแกร็บในสนามบิน 4 แห่ง”
นอกจากนี้ แกร็บยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและแก้ปัญหา (pain point) ในชีวิตประจำวันของคนในอีโคซิสเต็ม เช่น การอัปเกรดฟีเจอร์ Group Order หรือบริการสั่งอาหารแบบกลุ่ม ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมียอดสั่งอาหารเติบโตขึ้น 2 เท่า การปรับโฉมฟีเจอร์ Advance Booking หรือบริการจองล่วงหน้า โดยมียอดใช้บริการพุ่งขึ้นถึง 60% ในช่วงเทศกาล รวมถึงบริการ Dine Out Deals หรือการขายดีลพิเศษสำหรับการรับประทานที่ร้าน ซึ่งมียอดการใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 11 เท่า
ขณะเดียวกัน ยังได้นำเสนอทางเลือกใหม่ของบริการในราคาที่เข้าถึงได้ ผ่านการเปิดตัวบริการ GrabCar SAVER และ GrabBike SAVER ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก สะท้อนผ่านยอดใช้บริการที่เติบโตขึ้นมากกว่า 4 เท่า การเพิ่มตัวเลือก Delivery SAVER ในบริการสั่งอาหาร ซึ่งมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า รวมถึงการเปิดตัวซับแบรนด์ Hot Deals เพื่อนำเสนอดีลลดแรงจากร้านอาหารดังทั่วประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมาช่วยให้ผู้ใช้บริการประหยัดเงินรวมกว่า 2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าขยายธุรกิจในกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B) โดยเฉพาะบริการ GrabAds ที่ปรับรูปแบบจากการขายโฆษณาเป็นการนำเสนอโซลูชันการตลาดแบบสร้างสรรค์ (Creative Marketing Solutions) เพื่อช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจสามารถสร้างแบรนด์และยอดขายจากออนไลน์ไปสู่ออฟไลน์ รวมถึงบริการ Grab For Business ที่มีการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ จนมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 80%