เกมเมอร์เตรียมเฮ! รัฐบาลเดินหน้าผลักดัน (ร่าง) พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม พ.ศ. ... ปลุกปั้นไทยจากตลาดเกมนำเข้า ให้กลายเป็นฮับเกมแห่งอาเซียน คาดประกาศใช้ภายในปี 2568 ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมให้เป็นหนึ่งในฟันเฟืองเศรษฐกิจดิจิทัล New S-Curve ดึงเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศ
รายงานล่าสุดเผยว่า ปี 2566 อุตสาหกรรมดิจิทัลไทยมีมูลค่า 44,236 ล้านบาท โดย 34,288 ล้านบาท หรือ 77.5% เป็นเม็ดเงินในอุตสาหกรรมเกม แต่ที่น่าตกใจคือ แทบทั้งหมดเป็นเกมนำเข้า ขณะที่เกมที่ผลิตในไทยเพื่อจำหน่ายและส่งออกมีมูลค่าเพียง 886 ล้านบาท ทั้งที่ไทยคือ 1 ใน 3 ตลาดเกมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน แต่ยังไม่มีโครงสร้างสนับสนุนเพียงพอ รัฐจึงต้องเร่งผลักดัน พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อหยุดวงจรเงินไหลออก และดันไทยขึ้นแท่นผู้เล่นหลักบนเวทีโลก
◉ 5 แกนหลัก-ตั้งกองทุน บูสต์เกมไทย
คีย์แมนโปรเจกต์ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า เล่าว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้แยกออกจาก พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ เพื่อให้มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และตอบโจทย์อุตสาหกรรมเกมอย่างแท้จริง โดยมี 5 แกนสำคัญ ได้แก่ 1.นิยามอุตสาหกรรมเกม กำหนดขอบเขตและมาตรฐานที่ชัดเจน 2.ตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล หน่วยงานเฉพาะเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 3.ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการเกม ส่งเสริมผู้พัฒนาและสตูดิโอเกมไทย 4.กำกับดูแลมาตรฐานเกม ทั้งเนื้อหาควบคู่ไปกับมาตรการคุ้มครองผู้เล่น และ 5.ตั้งกองทุนส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม
"กองทุนส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม" คือ อาวุธลับ รัฐบาลตั้งเป้าใช้เป็นเครื่องมือบูสต์เงินทุนให้สตูดิโอเกมไทยผลิตเกมระดับโลก ลดการพึ่งพาเกมต่างชาติ และเปิดโอกาสให้ไทยเป็นผู้ผลิตเกมจริงจัง ดึงดูดค่ายเกมระดับโลกให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย พร้อมพัฒนากำลังคนให้มีทักษะสูงขึ้น เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเกมที่กำลังเติบโต
◉ ไทม์ไลน์บังคับใช้ คุมเข้ม-รับผิดชอบสังคม
นอกจากมาตรการส่งเสริม พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังมาพร้อมกับมาตรการควบคุมผลกระทบทางสังคมที่เข้มข้นขึ้น เช่น การกำหนดเรตติ้งเกมที่ชัดเจน ป้องกันผลกระทบด้านจิตใจของเยาวชน และสร้างความรู้เท่าทันเทคโนโลยี เพื่อให้การเติบโตของอุตสาหกรรมเกมเป็นไปอย่างสมดุล ส่งเสริมเศรษฐกิจได้โดยไม่ละเลยความรับผิดชอบต่อสังคม
ฝั่งภาคเอกชนและนักพัฒนาเกม เสนอให้เพิ่มมาตรการพัฒนาบุคลากรด้านเกม และให้มีตัวแทนอุตสาหกรรมเกมร่วมกำกับดูแล เพื่อให้กฎหมายสามารถเดินหน้าได้ทันอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่ตามหลังตลาด
ขณะนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้จัดประชาพิจารณ์เสร็จสิ้น และเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ. เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนเม.ย.2568 จากนั้นจะส่งไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อแก้ไขรายละเอียด คาดว่าไตรมาสที่ 3 จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร หากผ่านก็พร้อมประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นปี 2568
◉ ถอดแบบ 3 ประเทศ สร้างสมดุล-เศรษฐกิจเติบโต
หลายประเทศที่มีกฎหมายกำกับดูแลเกมอย่างจริงจัง เป็นตัวอย่างสำคัญที่ไทยต้องศึกษา เช่น
1.จีน ประเทศที่มีมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมเกมที่เข้มงวดที่สุดในโลก ด้วยตลาดเกมที่มีมูลค่าสูงถึง 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท รัฐบาลจีนได้ออกกฎจำกัดเวลาเล่นเกมของเยาวชนอย่างเข้มงวด โดยกำหนดให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถเล่นเกมออนไลน์ได้เพียง 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เท่านั้น
รัฐบาลยังบังคับใช้ระบบลงทะเบียนชื่อจริง เพื่อให้ผู้ให้บริการเกมสามารถบังคับใช้ข้อกำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ Tencent และ NetEase ซึ่งเป็นสองยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมเกมจีนถูกบังคับให้ปรับเปลี่ยนนโยบายการให้บริการเกม รวมถึงการเซ็นเซอร์เนื้อหาที่อาจเข้าข่ายผิดอุดมการณ์ของรัฐ เช่น ความรุนแรง การพนัน หรือประเด็นที่อาจกระทบต่อความมั่นคง
2.เกาหลีใต้ แม้จะเป็นแหล่งกำเนิดเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG และ Lineage ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าตลาดเกมสูงถึง 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 315,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลกลับเคยใช้มาตรการ Shutdown Law ห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี เล่นเกมออนไลน์ระหว่างเวลาเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้ถูกยกเลิกในปี 2564 หลังถูกวิจารณ์ว่าละเมิดสิทธิและเสรีภาพของเยาวชน
ปัจจุบัน รัฐบาลใช้ระบบ Choice Permit System ที่ให้ผู้ปกครองเป็นผู้กำหนดเวลาเล่นเกมของบุตรหลานแทน นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังมีหน่วยงาน Game Rating and Administration Committee (GRAC) ที่ทำหน้าที่กำหนดเรตเกมและควบคุมเนื้อหา รวมถึงการบังคับใช้มาตรการเกี่ยวกับ Loot Boxes และการใช้เงินจริงในเกม
3.ญี่ปุ่น ตลาดเกมที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก มูลค่ากว่า 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 770,000 ล้านบาท ได้ใช้มาตรการควบคุมอุตสาหกรรมเกม โดยเฉพาะเกมที่มีระบบ Gacha หรือ Loot Boxes ซึ่งเป็นกลไกสุ่มไอเทมภายในเกม รัฐบาลญี่ปุ่นบังคับให้ผู้พัฒนาเกมต้องเปิดเผยอัตราความเป็นไปได้ของการได้รับไอเทมล้ำค่าอย่างชัดเจน และห้ามระบบที่เข้าข่าย Complete Gacha ซึ่งผู้เล่นต้องสะสมไอเทมหลายชิ้นเพื่อปลดล็อกไอเทมหายาก เนื่องจากมองว่าเป็นการพนันแฝง
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังใช้ Computer Entertainment Rating Organization (CERO) เป็นหน่วยงานหลักในการจัดเรตติ้งเกม เพื่อควบคุมเนื้อหาที่มีความรุนแรงและไม่เหมาะสม
การที่แต่ละประเทศออกกฎหมายควบคุมอุตสาหกรรมเกมอย่างเข้มงวด สะท้อนถึงความพยายามสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับการปกป้องเยาวชนและสังคมจากผลกระทบของเกม
สำหรับประเทศไทย หาก (ร่าง) พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมมีผลบังคับใช้ นี่จะไม่ใช่แค่กฎหมายทั่วไป แต่เป็น "Game Changer" ที่จะยกระดับอุตสาหกรรมเกมไทยจากผู้บริโภค สู่การเป็นผู้สร้างที่โลกต้องจับตามอง