เอซุส วางเป้าหมายครองเบอร์ 1 คอนซูเมอร์โน้ตบุ๊กในไทย หลังปีที่ผ่านมากวาดส่วนแบ่งกว่า 27% และตั้งเป้าขยับสู่ 30% ในปีนี้ หลังเปิดตัวคอมพิวเตอร์รุ่นปี 2025 ที่จะทยอยทำตลาดในช่วงครึ่งปีแรก ยกสินค้า AI PC เข้ามาครบทุกไลน์อัป ด้วยจำนวนรุ่นที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า
วิจิตรา หิรัญญการ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจคอนซูเมอร์ เอซุส (ประเทศไทย) กล่าวถึงการแข่งขันในตลาดพีซีปีนี้ว่า ภาพรวมแต่ละแบรนด์จะมีการนำเสนอนวัตกรรมที่ดึงจุดแข็งขึ้นมา เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจนมากขึ้น อย่าง ASUS ในปีนี้จะเน้นที่การนำเสนอนวัตกรรมที่ไม่ได้อยู่แค่ประสิทธิภาพของโน้ตบุ๊ก แต่ยังรวมถึงรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจคือปีนี้นับเป็นปีแรกที่ AI PC มีสินค้าเข้ามาครบทุกไลน์อัป ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นสำหรับกลุ่มที่ใช้งานทั่วไปอย่างของเอซุส จะเป็นตระกูล Vivobook และ Vivobook S ที่ราคาเริ่มต้นราว 27,900 บาท
อย่างไรก็ตาม จะสังเกตได้ว่าระดับราคาของ AI PC ในปัจจุบันจะสูงกว่าราคาเฉลี่ยของโน้ตบุ๊กคอนซูเมอร์ที่ปัจจุบันขยับตัวขึ้นมาอยู่ราว 20,000 บาท จากที่ก่อนหน้านี้อยู่ราว 18,000 บาท ในขณะที่ของเอซุส จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ราว 21,000-22,000 บาท
ปัจจัยหลักที่จะเห็นได้ในปีนี้คือการเติบโตของตลาดพีซี ที่อาจไม่ใช่ในแง่ของจำนวน แต่เป็นในเชิงมูลค่า ซึ่งทางเอซุสมีการตั้งเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำในตลาดคอนซูเมอร์โน้ตบุ๊กที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งอยู่ราว 27% ขยับขึ้นไปเป็น 30% ภายในสิ้นปีนี้
“การที่ราคาเฉลี่ยโน้ตบุ๊กปรับสูงขึ้น เชื่อว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสม ไม่ได้เกิดการแข่งขันทางด้านราคาที่สูงจนเกินไป และทำให้แบรนด์สามารถนำไปพัฒนาบริการหลังการขายให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นได้”
นอกจากเรื่องราคาเฉลี่ยของตลาดพีซีที่ปรับสูงขึ้นแล้ว ยังมีการกระตุ้นเพิ่มเติมในแง่ของรูปลักษณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้น แต่ละแบรนด์มีการนำเสนอนวัตกรรม และโซลูชันการใช้งานเพื่อจูงใจลูกค้ามากขึ้น และจะทำให้เป็นการแข่งขันในตลาดที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน
ทั้งนี้ หนึ่งในกลุ่มเป้าหมายของ เอซุส ที่เชื่อว่าปีนี้จะมีผู้บริโภคในกลุ่มนี้จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น จากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปคือ กลุ่มปฏิบัตินิยม (Pragmatism) ที่ให้ความสำคัญกับการค้นหาข้อมูล เพื่อตอบความต้องการของตัวเองก่อนการเลือกซื้อสินค้ามาใช้งาน
ด้วยเหตุนี้ ทำให้จากไลน์สินค้าที่แต่เดิมเอซุส มีการแบ่งออกเป็น 3 ไลน์หลักของคอนซูเมอร์โน้ตบุ๊ก ที่ประกอบด้วย Vivobook Vivobook S และ Zenbook ในปีนี้ จะมีจำนวนสินค้าเข้ามาในแง่จำนวนรุ่นเพิ่มเติมถึง 3 เท่า
เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ผลิตชิปมีการแข่งขันกันสูงมากขึ้น ทั้ง Intel AMD และ Qualcomm ต่างมีชิปที่สร้างความโดดเด่น และตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคของ AI PC เมื่อรวมกับดีไซน์ และการมีตัวเลือกสีสันที่หลากหลายขึ้น ทำให้นับได้ว่าเป็นปีที่โน้ตบุ๊กของเอซุสมีจำนวนรุ่นมากที่สุด
โดยหลักๆ แล้วจะเห็นการแยกกันทำตลาดใน 2 กลุ่มหลักคือผู้ใช้งานที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพในการประมวลผลตัวเครื่องแรง ตอบสนองการใช้งาน จะมีชิปในตระกูล Intel Core Ultra รุ่นที่ 2 และ AMD Ryzen AI รุ่นที่ 3 มาตอบโจทย์ในกลุ่มนี้
ส่วนในตระกูลของ Qualcomm Snapdragon จะเน้นไปที่เรื่องของการประหยัดพลังงาน รองรับการใช้งานทั่วไปเป็นหลัก ทั้งในซีรีส์ของ Snapdragon X ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น และ Snapdragon X Elite ที่เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงก็ตาม
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า รูปแบบการใช้งาน AI บนโน้ตบุ๊กที่เกิดขึ้น จะมีทั้งการใช้ Copilot เพื่อช่วยสรุปเนื้อหา ที่ครอบคลุมถึงบทสนทนาในอีเมล การประชุม และช่วยตอบคำถามของผู้ใช้
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อย่าง Live Captions ที่จะให้คำบรรยายวิดีโอ หรือการประชุมออนไลน์แบบเรียลไทม์ ซึ่งรองรับมากกว่า 40 ภาษาทั่วโลก รวมถึงภาษาไทย
ยังมีฟีเจอร์ Paint Cocreator หรือเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างภาพจากการวาดหรือคำอธิบายข้อความ ทำให้การสร้างสรรค์รูปประกอบเนื้อหา หรือบทความต่างๆ ทำได้สะดวกขึ้น ไม่ใช่เฉพาะในการทำงาน แต่ยังรวมถึงผู้ปกครองที่จะสร้างเนื้อหาให้บุตรหลานได้เข้าถึงด้วย
***Zenbook A14 Copilot+ PC เบาสุดในโลก
พร้อมกับการมีตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มของ AI PC หนึ่งในสินค้าที่ เอซุส คาดการณ์ว่าจะได้รับความนิยมมากที่สุดในปีนี้ คือ ASUS Zenbook A14 (UX3407) ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง ASUS และ Qualcomm ในการนำเสนอไลน์อัป Copilot+ PC ออกสู่ตลาด
ด้วยการผสมผสานตัวเครื่องที่ผลิตจากวัสดุใหม่ที่เอซุส เริ่มนำมาใช้งานใน Zenbook รุ่นแฟลกชิปของปีที่ผ่านมาอย่าง ‘เซราลูมิเนียม’ (Ceraruminium) ผสมผสานวัสดุระหว่างเซรามิกน้ำหนักเบากับอะลูมิเนียมที่มีความแข็งแรง ทำให้ได้โน้ตบุ๊กขนาดจอ 14 นิ้ว ที่น้ำหนักเบาไม่ถึง 1 กิโลกรัม
ขณะเดียวกัน ยังใช้รูปลักษณ์สไตล์ ‘มินิมอล’ มาเป็นจุดขายเพิ่มเติมด้วย 2 สีใหม่คือ สีเทา (Iceland Grey) และสีเบจ (Zabriskie Beige) เพื่อตอบโจทย์ทุกเพศ ทุกวัย ให้สามารถเข้าถึงได้
อย่างไรก็ตาม ASUS รวมถึงแบรนด์อื่นๆ ยังมีความท้าทายในแง่ของการสื่อสารเกี่ยวกับข้อมูลของชิปเซ็ตใหม่ในตระกูล Snapdragon ที่ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดบางอย่างในการใช้งานร่วมกับโปรแกรมเดิมๆ ที่อาจไม่รองรับ ซึ่งในจุดนี้ทางเอซุส จะเน้นให้ข้อมูลร่วมกับพนักงานหน้าร้านในการสอบถามถึงรูปแบบการใช้งานเพื่ออธิบายถึงความแตกต่างที่จะเกิดขึ้น
“นับจากเริ่มทำตลาดโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon จะเห็นการตอบรับของลูกค้าที่ไม่ได้กังวลในเรื่องโปรแกรมที่จะซัปพอร์ต แต่ต้องการเครื่องที่ใช้งานทั่วไป ใช้งานเว็บไซต์ ทำงานเอกสาร บนพื้นฐานสำคัญคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน และ Snapdragon ตอบโจทย์ในส่วนนี้”
โดยสถิติในการใช้งานต่อเนื่องของ Zenbook A14 ที่ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon X ที่น้ำหนักเบา 980 กรัม สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 32 ชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 70Wh
เบื้องต้น Zenbook A14 วางจำหน่ายให้เลือกใน 2 ระดับราคาคือ 39,990 บาท ในรุ่นเริ่มต้น Snapdraon X RAM 16 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 512GB และ 49,990 บาท ในชิป Snapderagon X Elite RAM 32 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 1 TB