เลอโนโว (Lenovo) พร้อมทำตลาดแล็ปท็อปรุ่นล่าสุดในตระกูล Aura AI Edition ระบุเน้นผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับประสบการณ์ผู้ใช้แบบไร้รอยต่อ หยอดคำหวานร่วมงานอินเทล-ไมโครซอฟท์สร้างนวัตกรรมตอบดีมานด์ผู้ใช้ยุคใหม่ ย้ำ "Aura" ไม่ใช่แค่ชื่อสินค้า แต่คือปรัชญาการออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย สะดวกสบาย และประสบการณ์ที่มีความหมายสำหรับผู้ใช้ทุกคน
อีวาน เฉิง (Ivan Cheung) รองประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Lenovo กล่าวในงาน Behind the scenes Lenovo Aura Edition AI PCs ว่า Aura AI Edition พัฒนาขึ้นบนแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดย Lenovo ได้ทำการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวาง โดยรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้านับหมื่นรายทั่วโลก เพื่อทำความเข้าใจความต้องการและความชอบของผู้ใช้ ทำให้สินค้ารุ่นนี้เน้นหนักเรื่องประสบการณ์ผู้ใช้มากกว่าสเปกเครื่อง โดยนำเสนอการโต้ตอบที่ราบรื่น ใช้งานง่าย และเป็นส่วนตัว
"วันนี้ คอมพิวเตอร์พีซีส่วนบุคคลไม่ได้แค่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งาน แต่ยังมีการผสานเทคโนโลยี AI เข้าไปด้วย โดยแล็ปท็อปที่ใช้ AI ของเลอโนโวได้รับการรับรองด้านความปลอดภัย จากการร่วมมือกับไมโครซอฟท์และอินเทล"
เควิน เบค (Kevin Beck) นักเทคโนโลยีอาวุโส กลุ่มอุปกรณ์อัจฉริยะ Lenovo ย้ำว่าจากการศึกษาผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง พีซีเทคโนโลยีตระกูล Aura Edition จึงมีฟีเจอร์อัจฉริยะ 3 ส่วน คือส่วนโหมด Smart Modes ส่วนการดูแล Smart Care และส่วนการถ่ายโอนข้อมูล Smart Share
ทั้ง "3 สมาร์ท" ในสินค้ากลุ่ม Aura Edition ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Lenovo, Intel และ Microsoft นี้มุ่งเพิ่มศักยภาพให้ผู้ใช้ยุคใหม่ด้วยฟีเจอร์มากมาย ตัวอย่างเช่น การสนทนาทางวิดีโอที่ได้รับการปรับปรุง คุณภาพกล้องที่ดีกว่า และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น
ทั้งหมดนี้ยังเกิดขึ้นบนฐานที่แข็งแรงของ ThinkPad คอมพิวเตอร์พีซีชื่อดังที่ Lenovo ควบรวมมาจาก IBM ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านความน่าเชื่อถือและมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ระดับองค์กร ทำให้สินค้ากลุ่ม Aura Edition สามารถจัดการข้อกังวลของ CIO หรือผู้บริหารด้านไอทีขององค์กรต่างๆ ทั้งด้านประสิทธิภาพการทำงาน ความปลอดภัย การจัดการ และความยั่งยืน
เกร็กกอรี่ เบห์ (Gregory Beh) ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ (พรีเมียม) ธุรกิจคอนซูเมอร์ พีซีและสมาร์ทดีไวซ์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Lenovo ลงรายละเอียดว่า Smart Modes ในแล็ปท็อป Aura Edition จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่างการทำงาน การเล่นเกม และการสร้างสรรค์ได้อย่างราบรื่น พร้อมทั้งมีระบบแจ้งเตือนความเป็นส่วนตัว VPN และการปิดกั้นเว็บไซต์อันตราย นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับท่านั่งและแจ้งเตือนเมื่อผู้ใช้นั่งทำงานนานเกินไป
ขณะที่ Smart Shares เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การแชร์รูปภาพระหว่างสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปทำได้ง่ายขึ้น เพียงแค่แตะโทรศัพท์มือถือที่ขอบจอแล็ปท็อป และโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นมีแอปพลิเคชันชื่อ Intel Unison ระบบจะเชื่อมต่อและส่งข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องส่งข้อมูลผ่านคลาวด์ หรือเชื่อมต่อสายยูเอสบี ทั้งหมดนี้รองรับแล้วทั้งระบบ Android และ iOS
ขณะที่ฟีเจอร์ Smart Care ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการสนับสนุนได้ง่ายขึ้นด้วยแชตบอต AI ที่ช่วยแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การทำงานร่วมกับ Copilot ของไมโครซอฟท์ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานร่วมกับ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน
แม้บางฟีเจอร์จะมีให้เฉพาะในแล็ปท็อป Lenovo Aura AI PC Edition รุ่นล่าสุดเท่านั้น แต่ Lenovo ให้คำมั่นว่าฟีเจอร์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้กับแล็ปท็อปรุ่นอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับสินค้าตระกูล Aura ที่เปิดตัวมาแล้ว ประกอบด้วย 4 รุ่นกลุ่ม Commercial คือ Lenovo ThinkPad X1 Carbon Gen 13 Aura Edition, Lenovo ThinkPad X1 2-in-1 Gen 10 Aura Edition, Lenovo ThinkPad X9 14” Aura Edition และ Lenovo ThinkPad X9 15” Aura Edition โดยดาวเด่นของงานคือ X9 ที่มีคีย์หลักคือ "ไม่ร้อน แบตเตอรี่ไม่รั่ว" รวมถึง X1 Gen 13 ที่มีน้ำหนักราว 950 กรัม ความเบากว่า Gen 12 นี้เป็นผลจากการใช้วัสดุรีไซเคิลและการปรับเปลี่ยนหลายส่วน ทำให้เครื่องมีตัวเลขการใช้คาร์บอนน้อยกว่า 1kg และยังเปลี่ยนแผงมาเธอร์บอร์ด จาก 10 เลเยอร์เป็น 8 เลเยอร์ด้วย
นอกจากนี้ยังมี 3 รุ่นกลุ่ม Consumer ได้แก่ Lenovo Yoga Slim 7i Aura Edition (15”, 9), Lenovo Yoga Slim 7i Aura Edition (14”, 9) และ Lenovo Yoga 9i 2-in-1 Aura Edition (14”, 10) ความน่าสนใจคือ Lenovo Yoga Slim 7i Aura Edition (14”, 9) ที่การันตีแบตเตอรี่จุใจ 34 ชั่วโมง ใช้งานยาวนานเกิน 1 วันได้สบาย
สินค้าบางส่วนเริ่มทำตลาดในประเทศไทยแล้วเรียบร้อย สนนราคาและกำหนดการจำหน่ายแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น โดย Copilot+ PC บางส่วนสามารถอัปเดตฟรี ซึ่งจะยังคงประกาศต่อไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025
ที่สุดแล้ว ประสิทธิภาพของ Aura Edition นั้นต่อยอดบนชิปหน่วยประมวลผล ดังนั้น จอร์จ แช็คโก้ (George Chacko) ผู้อำนวยการฝ่ายขายทั่วโลก ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น Intel จึงย้ำว่าโปรเซสเซอร์ล่าสุดของ Intel มีความสามารถด้าน AI และการเชื่อมต่อที่ได้รับการปรับใหม่ จนมีบทบาทสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพของ Aura Edition ในรอบนี้