แอมะซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services) หรือ AWS เดินหน้าโปรโมต "โนวา" (Nova) โมเดลปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ที่รองรับภาษาไทยและอีก 200 ภาษาเต็มตัวหลังเปิดสวิตช์ "AWS Region ในประเทศไทย" ครบ 1 เดือน ชี้พบเคสที่ Nova ช่วยประหยัดต้นทุนด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ลงได้ 70% ภูมิใจลูกค้า Region ไทยโตตามเป้าบนเทรนด์ตลาดคลาวด์ที่มีแนวโน้มเติบโตสุดขีด คาดปี 2025 องค์กรไทยจะใช้จ่าย 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนระบบคลาวด์
นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย AWS Thailand เปิดเผยว่า 3 ทิศทางที่ชัดเจนของการทำธุรกิจของ AWS ในไทยปี 2025 คือการโฟกัสที่การลงทุนในประเทศไทย 5 พันล้านเหรียญในระยะเวลา 15 ปี โดยจะดำเนินการต่อเพื่อหาวิธีให้ธุรกิจที่ยังไม่ปรับใช้คลาวด์ สามารถใช้ได้เร็วและดีขึ้น รวมถึง AI ที่องค์กรไทยไม่ได้อยู่ในขั้นของการทดลองอีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ AWS จะประกาศขยายพันธมิตรเพื่อเติมเต็มธุรกิจในด้านอื่นมากขึ้น อีกส่วนคือการขยายไปที่ภาคการเงินการธนาคาร การผลิต โดยจะมุ่งขยายไปที่โทรคมนาคม และสาธารณสุข เชื่อว่าน่าจะเห็นลูกค้ามากขึ้น เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับอ้างอิงได้มากขึ้น
“เรายังต้องหายูสเคส มีหลายกรณีที่กำลังทำ เหตุที่เป็นโทรคมนาคมและสาธารณสุขเพราะเป็น 2 กลุ่มที่เริ่มเห็นความสำคัญมากขึ้น ที่ผ่านมา กลุ่มสาธารณสุขเน้นความปลอดภัย แต่ตอนนี้เปิดรับมากขึ้น ขณะที่กลุ่มโทรคมนาคม เริ่มเปลี่ยนความคิดจากการเน้นให้บริการเชื่อมต่อ มาเห็นความสำคัญกับการให้บริการที่เฉพาะทางมากขึ้น”
กรณีศึกษาองค์กรไทยที่ AWS อ้างอิงบนเวทีโลกคือ BOTNOI สตาร์ทอัปไทยที่ใช้ AWS ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ซึ่งรองรับการใช้งานกว่า 20 ภาษา ด้วยความแม่นยำสูงถึง 95% ยังมี CPALL ที่นำ Generative AI มาใช้กับระบบ Supply Chain โดยใช้ Amazon SageMaker วิเคราะห์ข้อมูลสินค้าในแต่ละสาขา ลดปัญหาสินค้าขาดสต๊อกได้ 40%
สำหรับการเปิดให้บริการ AWS Region ในประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา วัตสันย้ำว่าเป็นการลงทุนระยะยาวกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในประเทศไทยที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศ โดยบริษัทวิจัย IDC คาดการณ์ว่าปีนี้องค์กรไทยจะใช้จ่าย 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในระบบคลาวด์ คิดเป็น 12% ของงบประมาณไอทีทั้งหมด
นอกจากนี้ รายงานจาก Frost & Sullivan ในปี 2024 ยังระบุว่าการใช้จ่ายด้านคลาวด์ในประเทศไทยจะเติบโตเกือบ 20% ต่อปี และแตะระดับ 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2029 แสดงให้เห็นว่าธุรกิจไทยกำลังเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างจริงจัง
***เศรษฐกิจกระทบ ลงทุน GenAI และคลาวด์ต้องคิดรอบคอบ
วัตสันยอมรับว่าภาพรวมการลงทุนขององค์กรไทยปี 2025 ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้องค์กรต้องเน้นเรื่องการทำให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงจากการลงทุนเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจที่เติบโตได้ ดังนั้น การลงทุน GenAI และคลาวด์จึงมีการคิดรอบคอบขึ้น ทำให้การวัดผลการลงทุนจะต้องประเมินผลตอบแทนมากขึ้น
"ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Generative Artificial Intelligence (GenAI) ในประเทศไทย จากเดิมที่ใช้ในโครงการนำร่องเมื่อปี 2024 กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบเพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ โดยเทคโนโลยี AI กำลังมุ่งหน้าไปสู่ "Agentic AI" หรือระบบอัจฉริยะที่สามารถทำงานอัตโนมัติและประมวลผลข้อมูลในรูปแบบที่ซับซ้อนกว่าเดิม ครอบคลุมทั้งข้อความ วิดีโอ และรูปภาพ พร้อมมาตรฐานและนโยบาย AI ที่ชัดเจน"
เพื่อรับตลาด Generative AI ในประเทศไทยที่คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 312 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และจะเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ย 41.5% ต่อปี จนมีมูลค่าสูงถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2029 ปัจจัยนี้ทำให้ AWS ประเทศไทยวางแผนขยายบริการ GenAI สู่ภาคธุรกิจที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้สาธิตบริการ Nova โมเดลปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา บนจุดขายการรองรับ 200 ภาษา รวมถึงภาษาไทย
***Nova บุกไทย
Nova เป็นโมเดล GenAI แบบ Multimodal ตระกูลใหม่ที่ถูกเปิดตัวในงาน AWS re:Invent เมื่อปลายปี 2024 โดยผู้ใช้สามารถเลือกโมเดลสำหรับสร้างเนื้อหาได้บน Amazon Bedrock ซึ่งเป็นแหล่งที่เปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงโมเดล AI ขั้นสูงบนคลาวด์ พร้อมเครื่องมือสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน AI
จากการสาธิต Nova สามารถสร้างภาพจากข้อความภาษาไทยได้อย่างมืออาชีพ รวมถึงสร้างวิดีโอสั้นความคมชัดสูงเพียงพิมพ์ข้อความภาษาไทยลงไป อย่างไรก็ตาม ความรวดเร็วและยอดค่าใช้จ่ายที่ Nova เรียกเก็บนั้นจะแตกต่างกันไปตามความซับซ้อน รวมถึงการทำงานพื้นฐานเช่นการสรุปข้อความ แปลภาษา ตอบคำถาม สนทนา และระดมความคิด
อีกจุดเด่นของ Nova คือการช่วยสร้างโมเดลย่อย เพื่อตอบความต้องการขององค์กรได้ สามารถรองรับ 200 ภาษา คาดว่า Nova จะทำให้ AWS สามารถต่อยอดธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน AI และขยายบริการ AI-as-a-Service เพื่อช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ง่ายขึ้น
Nova นั้นเป็นผลผลิตจากการที่ AWS ได้ประกาศลงทุนในบริษัท Anthropic บริษัทพัฒนา AI ระดับโลก โดยก่อนหน้านี้มีการเปิดตัว Amazon Q Developer เพื่อช่วยนักพัฒนาสร้างและปรับแต่งโมเดล AI ได้สะดวกกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้ วัตสันชี้ว่าบริการ AI ใหม่ของ AWS สร้างเสียงชื่นชมมากเรื่องระบบ Automated Reasoning Check ซึ่งแก้ปัญหา GenAI ที่อาจตอบคำถามผิดพลาด โดยระบบนี้สามารถตรวจสอบการให้เหตุผลได้แม่นยำ นอกจากนี้คือ Multi-agent Collaboration ที่สามารถเปลี่ยนคำสั่งพร้อมพ์ให้เป็นการปฏิบัติ และระบบ Model Distillation สร้างโมเดลจากข้อมูลที่กลั่นไว้แล้ว
"บางกรณีพบว่าองค์กรสามารถพัฒนา AI บน Nova ด้วยต้นทุนที่ถูกลง 70% นอกจากการเปิดให้ใช้ฟรี เหตุที่ต้นทุนต่างกันมากเป็นเพราะการดูภาพรวมต้นทุน ทั้งต้นทุนค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรคมนาคม ซึ่งอาจไม่ได้อยู่ที่ต้นทุนค่าบริการระบบเท่านั้น นอกจากนี้ การที่ GenAI เปลี่ยนเร็วมาก ของที่ซื้อมาอาจจะตกรุ่นแล้ว และไม่ใช่ตัวที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น การไม่ต้องลงทุนงบประมาณสูงในครั้งเดียว ก็อาจมีประโยชน์ต่อต้นทุนมากกว่าค่าใช้จ่ายที่จ่ายจริง"
ที่สุดแล้ว ทั้ง "Region ไทย" และโมเดล GenAI ใหม่จะกระตุ้นการแข่งขันดุเดือดในตลาดคลาวด์และ AI ไทยตลอดปี 2025 แน่นอน
