Whocall เปิดสถิติปี 2567 ตรวจพบสายโทรศัพท์-SMS หลอกลวง 168 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 112% สูงสุดในรอบ 5 ปี ฟีเจอร์ ID security เตือนภัยข้อมูลส่วนตัวคนไทย 41% รั่วไหลโดยเฉพาะเบอร์ อีเมล ชื่อ ที่อยู่ และรหัสผ่าน
นายแมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกโกลุก ประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2567 Whoscall สามารถระบุสายโทรศัพท์และข้อความหลอกลวงได้สูงสุดในรอบ 5 ปี ถึง 168 ล้านครั้ง
“มิจฉาชีพมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการหลอกลวง ทำให้กลโกงมีความซับซ้อนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยแนวโน้มการหลอกลวงที่ต้องจับตามอง ได้แก่ การแอบอ้างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การฉ้อโกงทางการเงินในหลากหลายรูปแบบ ทั้งผ่านการโทรศัพท์ ข้อความ SMS ลิงก์อันตราย รวมถึงการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล”
การทำงานของ Whocall ในปี 2567 สามารถตรวจพบสายโทรศัพท์และข้อความ SMS หลอกลวงสูงถึง 168 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นกว่า 112% จาก 79.2 ล้านครั้งในปี 2566 และถือเป็นยอดที่สูงสุดในรอบ 5 ปีของประเทศไทย ในส่วนของจำนวนการโทรหลอกลวงเพิ่มขึ้นเป็น 38 ล้านครั้ง จาก 20.8 ล้านครั้งในปี 2566
ขณะที่จำนวนข้อความ SMS หลอกลวงพุ่งสูงถึงเกือบ 130 ล้านครั้ง จาก 58.3 ล้านครั้งในปี 2566 ทั้งนี้ การเก้บข้อมูลนี้มาจากจำนวนผู้ใช้งาน Whoscall ในปะรเทศไทย ที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันประมาณ 25 ล้านราย
กลโกงที่พบมากที่สุดของการส่งข้อความ SMS หลอกลวงที่แนบลิงก์ฟิชชิง ได้แก่ การหลอกขายบริการและสินค้าปลอม การแอบอ้างตัวเป็นหน่วยงาน และหลอกว่ามีเงินกู้อนุมัติง่าย การหลอกทวงเงิน การหลอกว่าเป็นหนี้
นอกจากนี้ Whoscall ยังพัฒนาฟีเจอร์ Web Checker ในการตรวจสอบลิงก์ต้องสงสัย โดยประเภทลิงก์อันตรายที่พบมากที่สุด เป็นลิงก์ฟิชชิงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อดูดเงิน หรือล้วงข้อมูลส่วนบุคคล 40% ส่วนลิงก์อันตรายที่เหลือเป็นลิงก์ที่เชื่อมโยงกับการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย 30% และลิงก์อันตรายที่หลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่มีมัลแวร์เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญจากอุปกรณ์อีก 30%
ขณะที่รายงานนี้ยังให้ข้อมูลถึงปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านฟีเจอร์ "ID Security" ที่พบว่าข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ 41% รั่วไหลไปยังที่ต่างๆ เช่น ดาร์กเว็บ และดีพเว็บ ในบรรดาข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลพบว่า 97% เป็น อีเมล และ 88% เป็นเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งอาจมีข้อมูล เช่น วันเดือนปีเกิด ชื่อนามสกุล พาสเวิร์ด รวมถึงข้อมูลอื่นๆ หลุดร่วมไปด้วย
“Whoscall พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ในการลดอัตราการหลอกลวงจากมิจฉาชีพ สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการหลอกลวงดิจิทัล รวมถึงออกบริการใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อปกป้องทั้งผู้ใช้และองค์กรในทุกช่องทาง”
