7 ก.พ. คือวันที่ Samsung Galaxy S25 ซีรีส์ วางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ โดยกลายเป็นว่าภาพรวมของยอดสั่งจองในรอบนี้มีความใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า และแม้ว่าตัวเครื่องจะมีการปรับเปลี่ยนฟีเจอร์ใช้งานไม่มาก แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะอัปเกรดมาใช้งาน
โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดยังเป็น Galaxy S25 Ultra ที่นับเป็นรุ่นแฟลกชิปประจำปี ที่ได้กระแสของ ‘Galaxy AI’ ต่อยอดมาตั้งแต่ Galaxy S24 ซีรีส์ ตามด้วย Galaxy Z Fold6 และ Flip6 ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มรับรู้ถึงประโยชน์ที่จะได้ใช้งาน Galaxy AI
มาในรอบของ Galaxy S25 ซีรีส์ ครั้งนี้ ซัมซุง เลือกที่จะนำเสนอประสบการณ์ใช้งาน Galaxy AI เป็นเลขาส่วนตัว คอยช่วยเหลือตั้งแต่การค้นหาข้อมูล จัดตารางนัดหมายที่สามารถบันทึกข้อมูลลงทุนปฏิทินได้ทันที ช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกในการใช้งาน AI มากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน เมื่อรวมกับความสามารถของ Galaxy AI เดิม อย่างการใช้ Generative AI เพื่อสรุปข้อมูล ช่วยคิดไอเดียในการตอบข้อความ คิดแคปชันต่างๆ ทำให้ในปีนี้ AI บน Galaxy S25 ซีรีส์ มีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น
เมื่อรวมกับสถิติการใช้งาน AI ของผู้ใช้ชาวไทยที่พบว่า ในปีที่ผ่านมาคนไทยใช้งาน Circle to Search มากที่สุดในโลกเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนในการใช้งานทั้งหมด และนับเป็น 1 ใน 3 ฟีเจอร์สำคัญของ Galaxy AI ที่ได้รับการตอบรับ ตามมาด้วยการแต่งภาพ และความสามารถในการแปลภาษา
***สร้างประสบการณ์ AI
สิทธิโชค นพชินบุตร President of Mobile Experience Division ในประเทศไทย พม่า ลาว และกัมพูชา ที่เพิ่งได้ตำแหน่งประธาน ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ให้ข้อมูลว่า ในปีที่ผ่านมาคนไทยให้การตอบรับความสามารถของ Galaxy AI ที่เข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์ในการใช้งานสมาร์ทโฟน
จนนำไปสู่การตั้งคำถามว่า แล้วในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างใน Galaxy S25 ซีรีส์ ซึ่งต้องอย่าลืมว่า ซัมซุง เป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อันดับ 1 ของโลก อย่างการผลิตหน้าจอ SuperAMOLED ที่ดีที่สุด ซึ่งดีขนาดที่คู่แข่งยังมาขอให้ทางซัมซุงผลิตให้
นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับผู้ผลิตชิปเซ็ตอย่าง ควอลคอมม์ (Qualcomm) อย่างใกล้ชิด ในการนำชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite มาใช้งานใน Galaxy S25 ซีรีส์ทุกรุ่น และที่สำคัญคือเป็นเวอร์ชันที่มีการปรับแต่งพิเศษให้ความเร็วในการประมวลผลที่ดีกว่ารุ่นอื่นๆ ที่วางจำหน่ายทั่วไป
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Galaxy S25 ซีรีส์ ได้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับการประมวลผล AI ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการทำงานร่วมกับ Google ที่นำเสนอความสามารถของ Gemini Advance มาให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานกัน 6 เดือน ซึ่งหลังจากครบช่วงเวลาที่กำหนดจะปรับความสามารถลงมาเป็น Gemini เวอร์ชันทั่วไป และไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม
“การนำเสนอผู้ช่วยส่วนตัว Galaxy AI ในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบันที่แต่เดิมเราอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการหาข้อมูลที่ต้องการ และนำมาสรุป แต่ปัจจุบัน AI ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาที ก็สรุปข้อมูลสำคัญมาให้ได้แล้ว”
เบื้องต้น จากยอดสั่งจองของ Galaxy S25 ซีรีส์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของ Galaxy S24 ซีรีส์ พบว่า มีจำนวนการสั่งจองเพิ่มขึ้น เพียงแต่ด้วยการที่ปัจจุบันซัมซุง มองถึงการจำหน่ายในระยะยาวของการเป็นแฟลกชิป ทำให้อาจต้องรอผลตอบรับที่ชัดเจนหลังจากนี้ ว่านอกจากกระแสการซื้อในช่วงเปิดตัวจะยังมีการเปลี่ยนเครื่องใหม่ต่อเนื่องตลอดทั้งปีเหมือนที่ Galaxy S24 ซีรีส์ทำได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม อีกปัจจัยที่มาช่วยหนุนให้สมาร์ทโฟนแฟลกชิปได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง แม้ในภาพรวมของสภาพเศรษฐกิจจะไม่ได้ดีมากนัก มาจากการปล่อยสินเชื่อรายย่อยไม่ว่าจะเป็น ซัมซุง ไฟแนนซ์ หรือการผ่อนชำระร่วมกับบัตรเครดิต ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการกระตุ้นจากผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีการทำโปรโมชันเพิ่มเติมจากเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ ที่ให้ส่วนลดค่าเครื่องเพิ่มเติมเข้าไป รวมกับส่วนลดจากแพกเกจที่ใช้งาน ทำให้ได้รับส่วนลดเพิ่มเติมมาช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เมื่อมองดูแล้ว ถ้าเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่งซื้อ Galaxy S24 Ultra ในปีที่ผ่านมา และมีการใช้งานแพกเกจมือถือหลักพันบาทต่อเดือนอยู่แล้ว จะสามารถเป็นเจ้าของ Galaxy S25 Ultra หลังหักส่วนลดต่างๆ ด้วยค่าใช้จ่ายราว 10,000 บาทเท่านั้น เมื่อหารเฉลี่ยระยะเวลาใช้งานต่อเดือนแล้วเทียบเท่ากับเช่าใช้งานเดือนละราว 1,000 บาทเท่านั้น
*** 3 ฟีเจอร์เด่นใน Galaxy S25 Ultra
สำหรับไฮไลต์ที่ Samsung เลือกนำมาโปรโมต Galaxy AI ของ S25 ซีรีส์ ในรอบนี้ จะมีฟีเจอร์อย่างการสั่งให้ Gemini หาข้อมูลผ่านรูปถ่าย หรือการสั่งงานด้วยเสียง ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ่ายภาพสถานที่ เพื่อค้นหารายละเอียดเพิ่มเติม ถ่ายเมนูอาหาร เพื่อขอสูตร พร้อมคำแนะนำในการปรุง
ขณะเดียวกัน ยังอัปเกรดความสามารถในการแต่งรูปเพิ่มเติมให้ใช้งาน Galaxy AI ร่วมกับการปรับเสียงในวิดีโอ อย่างฟีเจอร์ Audio Eraser ที่จะใช้ AI มาวิเคราะห์เสียงในไฟล์วิดีโอว่ามีองค์ประกอบอย่างเสียงร้อง เสียงเพลง เสียงรบกวน เสียงธรรมชาติต่างๆ ก่อนเปิดให้เราสามารถปรับลด-เพิ่มเสียงเหล่านั้น ทำให้ได้วิดีโอที่มีเสียงที่ดีที่สุด รวมถึงความสามารถของ AI ในการปรับเปลี่ยนใบหน้าเวลาที่มีการถ่ายรูปหมู่ สามารถเลือกเปลี่ยนจังหวะที่ดีที่สุดของแต่ละคนได้จากฟีเจอร์ Best Face
สุดท้ายคือมาตรฐานความปลอดภัยในการปกป้องข้อมูลส่วนตัว ที่ซัมซุงมีการเข้ารหัสข้อมูลและบันทึกไว้เฉพาะในเครื่องอย่าง Knox Vault และยังมีการปกป้องการติดตั้งแอปจากภายนอกอย่าง Samsung Auto Blocker ทำให้มั่นใจได้ว่าสมาร์ทโฟนของ Samsung จะไม่มีการติดตั้งแอปหลอกลวง หรือแอปจากมิจฉาชีพต่างๆ