xs
xsm
sm
md
lg

ดาต้าเซ็นเตอร์ไทยเข้ายุคใหม่ “อาซีฟา-ชไนเดอร์” รุกสู้ AI กินไฟดุ (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จากซ้าย ไพบูลย์ อังคณากรกุล และ เผดิมศักดิ์ รัตนเรืองศักดิ์ กับเทคโนโลยี BlokSeT ที่สามารถควบคุมการกระจายพลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ปี 2568 คือปีแห่งจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ผลจากการมาถึงของเทคโนโลยี AI ที่ส่งให้ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในศูนย์ข้อมูลพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจมหาศาลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

“ไพบูลย์ อังคณากรกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA บอกว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่นับ 10 รายตบเท้าเข้ามาลงทุนที่ไทย ทั้งในรูปแบบศูนย์ข้อมูลขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งอาจมีการใช้พลังงานสูงถึงระดับที่เทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของทั้งจังหวัด

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้นำไปสู่การปรับตัวของอาซีฟา วันนี้บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า ระบบควบคุมอัตโนมัติ และระบบบริหารจัดการพลังงาน ต้องลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมรับมือกับเทรนด์ดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งกำลังจะพลิกโฉมการใช้งานไฟฟ้าขององค์กรไทย ด้วยการกระชับมือให้แน่นขึ้นอีก จากเดิมที่จับกันไว้แน่นอยู่แล้วกับบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสอย่างชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric)

จากความร่วมมือที่ทั้ง 2 บริษัทมีต่อกันยาวนานเกิน 20 ปี วันนี้ทั้งคู่เดินหน้าโฟกัสจัดเต็มเทคโนโลยีอินฟราสตรักเจอร์ด้านพลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ระบบ BlokSeT ที่รองรับมาตรฐานสูงถึงเทียร์ 4 ยังมีระบบจัดการอาคารอัจฉริยะ (BMS) และเทคโนโลยีระบบสำรองไฟ หรือ UPS แบบ high density ที่ป้องกันภาวะไฟตกสำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI โดยเฉพาะบนความเชื่อว่าโอกาสของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ในประเทศไทยที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพสูง จะทำให้ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์กลายเป็นแหล่งรายได้มูลค่าเกิน 1 พันล้านบาทได้ไม่นานเกินรอ



***ผ่าโปรเจกต์ “อาซีฟา-ชไนเดอร์อิเล็คทริค”



รายได้มูลค่าเกิน 1 พันล้านบาทจากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยนั้นคำนวณจากคำพูดของไพบูลย์ ซึ่งระบุว่าวันนี้อาซีฟามีรายได้หลักจากลูกค้ากลุ่มผู้รับเหมา และมีรายได้จากดาต้าเซ็นเตอร์ราว 10% ต่อเนื่องบนรายรับรวม 3,000-3,500 ล้านบาท ซึ่งคงที่มาหลายปี แต่ในอนาคต สัดส่วนนี้จะเพิ่มเป็น 30% ดังนั้นเมื่อคำนวณแล้ว รายได้จากกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ในธุรกิจอาซีฟาจะแตะระดับพันล้านบาทได้แบบสวยงาม

ไพบูลย์ อังคณากรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASEFA (ขวา) และเผดิมศักดิ์ รัตนเรืองศักดิ์ รองประธานฝ่ายธุรกิจ เพาเวอร์ โพรดักส์ ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ไทย ลาว และพม่า ของ Schneider Electric (ซ้าย)
“เราเป็นบริษัทคนไทย 100% เราเติบโตจากเล็กๆ ในวันที่เทรนด์พลังงานเติบโต เราจึงเกาะไปกับสินค้าที่คิดค้นออกมา แต่มีบางอย่างที่ชไนเดอร์ฯ ไม่ได้ทำ เช่น รถไฟฟ้า หรือส่วนประกอบอื่นที่ภาคพลังงานไฟฟ้าต้องใช้ เรากำลังขยายฐานลูกค้า และพบว่ามีอีกหลายอย่างที่ใกล้เคียงกับงานวิศวกรรมที่เราถนัด ซึ่งในอนาคตอาจมีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ที่เข้ามาอีก”

อาซีฟานั้นเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการผลิต ออกแบบ ติดตั้ง และดูแลระบบไฟฟ้า ความเชี่ยวชาญ 27 ปีของอาซีฟาทำให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนของดาต้าเซ็นเตอร์ทุกประเภท โดยอาซีฟาถือเป็น 1 ใน 4 พันธมิตรภาคการผลิตที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคมีในประเทศไทย และเป็นพันธมิตรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาค



สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ทั้ง 2 บริษัทเพิ่งประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการเพื่อลุยตลาดโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ โดยจะนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาผสมกับความเชี่ยวชาญ ในการสร้างอินฟราสตรักเจอร์ที่ยั่งยืนและเชื่อถือได้ รองรับการใช้พลังงานที่สูงขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่มีปัญหา การันตีความต่อเนื่องในการใช้งาน



หากมองเป้าหมายปีนี้ ไพบูลย์วางแผนให้อาซีฟาเป็นเบอร์ 1 ผู้ส่งมอบโซลูชันด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ทุกระดับ ตั้งแต่เอจด์ดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์องค์กรขนาดใหญ่ โคโลเกชัน และดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับ AI โดยมี 4 แนวคิดหลัก คือการส่งมอบนวัตกรรมที่เชื่อถือได้ การมีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูง ความยืดหยุ่นในการปรับขยาย และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

ไพบูลย์ อังคณากรกุล บนเวทีโชว์วิสัยทัศน์ความร่วมมืออย่างเป็นทางการเพื่อลุยตลาดโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์
สิ่งสำคัญที่สนับสนุน 4 แนวคิดนี้คือการทุ่มงบลงทุน 450 ล้านบาท สร้างอาคารอเนกประสงค์ และโรงงานเพิ่มเพื่อให้เพียงพอต่อการเติบโตของอาซีฟา โดยบริษัทคาดหวังที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาดในพื้นที่อินโดจีนด้วย ซึ่งการผนึกกำลังกับชไนเดอร์ อิเล็คทริคจะถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพของประเทศไทยในการแข่งขันกับตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก พร้อมสนับสนุนการพัฒนาประเทศให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืนและมั่นคง



***ดาต้าเซ็นเตอร์ไทยยุคใหม่ ค่าไฟไม่ขึ้น?

ไพบูลย์เชื่อว่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยที่จะเติบโตแบบพลิกโฉมนั้นจะไม่มีผลต่อโครงสร้างค่าไฟฟ้าของประเทศ เนื่องจากไทยมีการใช้พลังงานทางเลือกทั้งไมโครกริด สมาร์ทกริด และมีการติดตั้งโรงผลิตไฟฟ้ากระจายทั่วประเทศ รวมถึงมีการใช้พลังงานทดแทนเช่น ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งแม้จะมีปัญหาระหว่างประเทศ แต่จากภาพรวมเชื่อว่าประเทศไทยจะยังสามารถตรึงราคาค่าไฟต่อไปได้

ในอีกมุม ประเทศไทยยังคงตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ในด้านขนาดพลังงานและความก้าวหน้าของดาต้าเซ็นเตอร์ โดยดาต้าเซ็นเตอร์ในสิงคโปร์สามารถรองรับพลังงานได้ถึง 100 MW (เมกะวัตต์) ขณะที่ประเทศไทยเพิ่งเริ่มเข้าสู่ระดับ 30-50 MW ซึ่งแม้อาซีฟาจะมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี แต่ไพบูลย์เชื่อว่าประเทศไทยยังต้องใช้เวลาปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงอีกระยะ



“อย่างแรกคือความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะการให้บริการในวงกว้างหรือไฮเปอร์สเกล และ AI ดังนั้นทีมงานบุคลากรจะต้องพร้อม ตอนนี้เราต้องพึ่งการออกแบบดีไซน์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะสิงคโปร์ คิดว่าไทยมีพื้นฐานระดับหนึ่งแล้ว อีกพักหนึ่งจะเข้าที่เข้าทาง อยู่ที่รัฐจะสนับสนุนอย่างไร”

แม้อาซีฟาจะมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี แต่ไพบูลย์เชื่อว่าประเทศไทยยังต้องใช้เวลาปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงอีกระยะ?? ในภาพคือเทคโนโลยี BlokSeT ที่สามารถควบคุมการกระจายพลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ท่ามกลางเม็ดเงินมหาศาลสำหรับลงทุนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ของยักษ์ใหญ่ไอทีต่างชาติในประเทศไทย ไพบูลย์ชี้ว่าบริษัทไทยรายใหญ่ก็พร้อมลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์เจเนอเรชันใหม่เช่นกัน ภาวะนี้ทำให้เกิดคู่แข่งทั้งบริษัทสัญชาติจีนและสิงคโปร์ แต่อาซีฟามีแต้มต่อเรื่องความพร้อมของสายการผลิตและทีมวิศวกรในประเทศที่มีจำนวนกว่า 250 คน จากพนักงาน 1,200 คน โดยแผนระยะยาว อาซีฟาจะปักหลักในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งรถไฟฟ้า ท่าเรือ และโครงการอาคารขนาดใหญ่ เช่น ห้าง ซึ่งต้องปรับปรุงระบบพลังงานไฟฟ้าตามรอบเวลาอย่างสม่ำเสมอ

***ไทยตามเทรนด์โลก

“เผดิมศักดิ์ รัตนเรืองศักดิ์” รองประธานฝ่ายธุรกิจ เพาเวอร์ โพรดักส์ ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ไทย ลาว และพม่า ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่าภาพรวมตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโต 3-4 เท่าตัวภายใน 3 ปีข้างหน้า ผลจากการใช้สมาร์ทโฟนที่แพร่หลายทำให้การใช้ดาต้ามากขึ้น การใช้พลังงานไฟฟ้าจึงต้องมากขึ้นต่อเนื่องในอนาคตแน่นอน



“ไทยน่าจะไปคล้ายๆ กัน ในช่วง 3 ปีข้างหน้า” เผดิมศักดิ์กล่าว “ถ้าดูจากสัดส่วนผู้ใช้พลังงาน ดาต้าเซ็นเตอร์นั้นอยู่ในช่วงเริ่มต้น ไทยถือเป็นภาคพื้นที่ 3 ในแง่ของการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียน หลังจากที่เม็ดเงินการลงทุนไปลงที่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ตอนนี้มาบ้านเรา ดังนั้น สัดส่วนในแง่ของผู้ใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ไทยจึงกำลังเพิ่มขึ้น อาซีฟาและเรากำลังเกาะเทรนด์นี้ เชื่อว่าสัดส่วนรายได้ที่เป็นไปได้ตอนนี้คือ 10% จากตลาดรวม”


เผดิมศักดิ์ รัตนเรืองศักดิ์ รองประธานฝ่ายธุรกิจ เพาเวอร์ โพรดักส์ ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ไทย ลาว และพม่า ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค
เผดิมศักดิ์มั่นใจว่าชไนเดอร์ อิเล็คทริคและอาซีฟามีความพร้อมสำหรับการแข่งขันในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะเทคโนโลยี BlokSeT ที่สามารถควบคุมการกระจายพลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รองรับมาตรฐานการจ่ายพลังงานได้ถึงเทียร์ 4 ขณะที่ระบบ BMS (Building Management Systems) ช่วยจัดการพลังงานในอาคารอย่างชาญฉลาด เพิ่มความเสถียรและความปลอดภัย พร้อมรองรับการขยายระบบในอนาคต

ล่าสุด ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันจัดงานสัมมนาเพื่อถ่ายทอดความรู้ด้าน AI ดาต้าเซ็นเตอร์แบบครบวงจร นำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง EcoStruxure ไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งแบบโมดูลาร์และแบบ prefabricated รวมถึง UPS ที่มีคุณสมบัติ high density สำหรับ AI ดาต้าเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ 


ความร่วมมือระหว่างอาซีฟาและชไนเดอร์ อิเล็คทริคจึงนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ไทยยุคใหม่ ซึ่งจะตอบโจทย์เทคโนโลยี AI ที่กินไฟดุได้สบาย

เผดิมศักดิ์มั่นใจว่าชไนเดอร์ อิเล็คทริคและอาซีฟามีความพร้อมสำหรับการแข่งขันในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์


กำลังโหลดความคิดเห็น