'NT' แฉรัฐสองมาตรฐาน คุมเข้มซิมผีแต่บัญชีม้ายังเกลื่อน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังลอยนวล ดีอี-แบงก์ชาติ เร่งแถลงมาตรการคุม Mobile Banking
ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบพระราชกำหนด (พ.ร.ก) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยคาดว่า จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.พ.68
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.68 พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT มองว่าเป็นมาตรการที่ดี แต่ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือด้วย เพราะสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมาตรการป้องกันซิมผีอยู่แล้ว ทั้งการจำกัดการถือครองซิมของชาวต่างชาติ ระบบลงทะเบียนยืนยันตัวตน และการคุมเข้มผู้ถือครองซิมตั้งแต่ 5 เบอร์ขึ้นไป
ซึ่งในส่วนของ NT ได้ดำเนินการตัดวงจรอินเทอร์เน็ตต้องสงสัย เช่น ไฟเบอร์ออปติกที่ลากสายไปยังพื้นที่ชายแดนหรือข้ามแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจถูกใช้เป็นช่องทางให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กระทำความผิด พร้อมคุมเข้มการตรวจสอบหลักฐานของผู้เปิดใช้ซิมมือถือและอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์
แม้ NT ต้องสูญเสียรายได้จากมาตรการนี้กว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน แต่ยืนยันเดินหน้าร่วมแก้ปัญหา เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พร้อมสั่งการให้ศูนย์บริการทั่วประเทศเพิ่มความเข้มงวดในการเปิดซิมใหม่ตามระเบียบของ กสทช.
"เสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการควบคุมการเปิดบัญชีธนาคารให้เข้มงวดขึ้น หลังพบว่า บุคคลหนึ่งสามารถเปิดบัญชีได้เป็นร้อยบัญชี ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญที่อาชญากรใช้สำหรับบัญชีม้า ในการหลอกลวงประชาชน ทั้งนี้ ปัจจุบัน NT มีลูกค้ากว่า 2 ล้านราย และกำลังเดินหน้าประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสกัดกั้นภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้ได้ผลมากขึ้น" พ.อ.สรรพชัยย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 31 ม.ค.68 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมกับ ปปง. กสทช. ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดแถลงข่าวมาตรการยกระดับความปลอดภัยการใช้งาน Mobile Banking เพื่อชี้แจงถึงข้อปฏิบัติในการตรวจสอบ Mobile Banking ให้ประชาชนได้รับทราบ ตามนโยบายการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบัญชีม้า) ของรัฐบาล