ดีอีงบหมื่นล้าน! ขยับใกล้กระทรวงเกรดเอ ซัดคอลเซ็นเตอร์ถึงทางตัน ดันพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ดึง 3 ล้านล้าน พลิกเศรษฐกิจไทย
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมก้าวขึ้นเป็น "กระทรวงเกรดเอ" ด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้นทะลุ 12,000 ล้านบาท ในปี 2569 จากความสำคัญที่รัฐบาลมอบให้ ท่ามกลางโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ตั้งแต่ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ ไปจนถึงการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ ไม่ใช่แค่การจัดระเบียบโลกออนไลน์ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง โปร่งใส และทันสมัยสำหรับอนาคตของประเทศ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 ได้เห็นชอบร่างกฎหมายและแนวทางสำคัญ 2 ประเด็นหลัก ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในยุคดิจิทัล
1.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จุดเปลี่ยนบันเทิงไทย
ที่ประชุม ครม. ได้ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบสถานบันเทิง หรือที่เรียกว่า "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" (Entertainment Complex) ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพหลัก ร่างกฎหมายนี้มุ่งเปลี่ยนภาพลักษณ์วงการบันเทิงไทย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับประเทศ โดยหลังผ่านมติ ครม. จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบรายละเอียดในสำนักงานกฤษฎีกา ก่อนจะถูกส่งต่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมนี้
2.ดึงเงินใต้ดินขึ้นบนดิน ดันพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย
กระทรวงดีอี ผลักดันการแก้ไขปัญหาการพนันออนไลน์ ปัญหาระดับชาติ ด้วยแนวคิดการดึงเม็ดเงินใต้ดินที่ผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันเม็ดเงินในธุรกิจนี้ถูกประเมินว่าอยู่ที่กว่า 3 ล้านล้านบาทต่อปี เกือบเท่างบประมาณแผ่นดิน
การแก้ไขปัญหาดังกล่าว ต้องใช้ความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานกฤษฎีกา ในการออกกฎหมายลำดับรอง เช่น กฎกระทรวง หรือพระราชกฤษฎีกา ซึ่งกระทรวงดีอีตั้งเป้าออกกฎกระทรวงให้เสร็จภายในเดือน ก.พ.68 หากสำเร็จจะสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษา และบังคับใช้ได้ทันที
กฎหมายใหม่นี้ยังเปิดโอกาสให้จัดระเบียบเว็บไซต์การพนันออนไลน์ที่ปัจจุบันมีการสั่งปิดจำนวนมาก ให้สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง โดยเน้นการควบคุมที่โปร่งใสและลดอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง
◉ ร่าง พ.ร.ก.กรอบร่วมรับผิด เหยื่อคอลเซ็นเตอร์
กระทรวงดีอี เสนอร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อจัดการปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยเน้นความรับผิดชอบของธนาคารและผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ หากละเลยหน้าที่ป้องกันหรือช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ จะต้องร่วมชดเชยความเสียหาย
ร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้มีเนื้อหาสำคัญ 11 มาตรา ซึ่งระบุชัดเจนว่า หากสถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการเครือข่ายไม่ดำเนินมาตรการป้องกันหรือไม่ให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย พวกเขาจะต้องร่วมรับผิดชอบ และชดใช้ค่าเสียหายให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาร่าง พ.ร.ก.นี้ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจสำคัญที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่กระทรวงดีอียืนยันว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. อีกครั้งในวันที่ 28 ม.ค.68
"ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ยังสร้างความเดือดร้อนในวงกว้าง จึงต้องจัดการอย่างเร่งด่วน หากร่าง พ.ร.ก.นี้ได้รับการเห็นชอบจาก ครม. จะสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ได้ทันที" นายประเสริฐ กล่าว
◉ Cloud First Policy ก้าวสำคัญ ดันไทยดิจิทัลเต็มตัว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา กระทรวงทำงานหนัก ผลักดันนโยบาย Cloud First Policy จนใกล้บรรลุเป้าหมาย โดยช่วงปลายเดือน ม.ค.68 จะมีการประชุมเพื่อที่จะกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณปี 2569 เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์ได้เต็มรูปแบบ
พร้อมทั้งเตรียมจัด ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล หรือ ASEAN Digital Ministers' Meeting: ADGMIN ครั้งที่ 5 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยมี 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา เช่น สหรัฐฯ จีน รัสเซีย อินเดีย และญี่ปุ่น เข้าร่วม หัวข้อหลักที่ประเทศไทยจะผลักดัน คือ ความร่วมมือระดับภูมิภาคในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมทั้งหารือแนวทางพัฒนาการเชื่อมโยงดิจิทัลในภูมิภาค โดยจัดแถลงข่าวในวันที่ 17 ม.ค.68
ในเดือน ก.ค.68 กระทรวงดีอียังวางแผนจัดประชุมร่วมกับ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ในหัวข้อเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีตัวแทนจากกว่า 100 ประเทศเข้าร่วม
"กระทรวงดีอี" ชูบทบาทผู้นำในโลกดิจิทัล ท่ามกลางความท้าทายจากอาชญากรรมออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี แม้ปัญหาเหล่านี้จะไม่สามารถแก้ไขได้ในทันที แต่การกำหนดแนวทางและกฎหมายที่ชัดเจน จะเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ทั้งต่อเศรษฐกิจ สังคม และชีวิตของคนไทยทุกคน