'กสทช.' เอาจริง! เร่งจัดการซิมเถื่อน 2 แสนซิม หยุดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กำหนดมาตรการใหม่ คุมเข้ม SMS หลอกลวง เริ่มบังคับต้นปี 68
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.67 พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. เตรียมหารือมาตรการกำกับดูแลการซื้อขายซิมการ์ดจำนวนมาก หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน พร้อมยึดซิมการ์ดได้ถึง 200,000 ซิม เบื้องต้นพบว่าปัจจุบันยังไม่มีข้อกำหนดชัดเจนสำหรับบริษัทนิติบุคคลที่ซื้อซิมการ์ดจำนวนมากเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ โดยปัจจุบัน กสทช. มีเพียงระเบียบให้ผู้ถือครองซิมการ์ดมากกว่า 5 เลขหมายต้องจดแจ้งการถือครอง อย่างไรก็ตาม กสทช. กำลังเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการ
ในอดีต การแจกซิมการ์ดฟรีจำนวนมากสร้างช่องโหว่ให้บางซิมถูกใช้งานในอุปกรณ์ไอโอที จีพีเอส หรือพ็อกเกตไวไฟ ซึ่งบางครั้งอาจถูกนำไปใช้งานในทางผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ซิมการ์ดยังถูกขายให้นักท่องเที่ยวและนำไปขายต่อในต่างประเทศเพื่อใช้งานในไทย ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาของซิมการ์ดที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการกระทำผิด
ซิมไม่ได้ลงทะเบียน สร้างปัญหาการติดตามอาชญากรรม หนึ่งในปัญหาสำคัญคือการจำหน่ายซิมโดยไม่ผ่านการลงทะเบียนในอดีต ทำให้ยากต่อการตรวจสอบและติดตามการกระทำผิด โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่มีการลักลอบใช้ซิมการ์ดจากประเทศเพื่อนบ้าน กรณีนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการกำกับดูแลและปรับปรุงมาตรการการจำหน่ายซิมการ์ด
เตรียมแก้กฎหมาย เพิ่มความรับผิดชอบผู้ให้บริการ ในส่วนของรัฐบาลและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เสนอแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการมือถือและธนาคารต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ เช่น การแจ้งเตือนลูกค้าหากพบธุรกรรมผิดปกติหรือการโอนเงินจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว แต่ความเสียหายเกิดจากความโลภของผู้ใช้งาน ผู้ให้บริการอาจไม่ต้องร่วมรับผิด ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์เป็นรายกรณี
ทั้งนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการร่างและปรับปรุงขั้นตอน เพื่อสร้างกลไกการกำกับดูแลที่รัดกุมยิ่งขึ้น และลดช่องโหว่ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้กระทำผิดใช้ในการหลบเลี่ยงกฎหมาย
"สิงคโปร์และออสเตรเลียเดินหน้าออกกฎหมายเข้มงวดเพื่อจัดการปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยสิงคโปร์กำหนดให้ผู้ให้บริการมือถือและธนาคารต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฉ้อโกง ขณะที่ ออสเตรเลียกำลังพิจารณากฎหมายที่ครอบคลุมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียด้วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในอำนาจการต่อรองของทั้งสองประเทศ
สำหรับประเทศไทย แม้จะยังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายที่ครอบคลุมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้ เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้จดทะเบียนอยู่นอกประเทศ แต่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการส่งข้อความสั้น (SMS) ที่มีลิงก์หลอกลวง ซึ่งสร้างความเสียหายต่อประชาชนจำนวนมาก
อนุกรรมการด้านการกำกับดูแลการสื่อสารได้ประชุมเพื่อกำหนดแนวทางเข้มงวด โดยจะให้ผู้ให้บริการ SMS ทุกแห่งต้องลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด เพื่อป้องกันการส่งข้อความที่แฝงลิงก์หลอกลวงและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้งาน มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ภายในต้นปี 68 เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและลดผลกระทบต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน" พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าว