Google เริ่มเปิดให้ผู้ใช้งาน Gemini Advanced ใช้งาน Deep Research สั่งให้ AI ทำการค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกที่มีความซับซ้อน และนำเสนอออกมาให้ครอบคลุม และเข้าใจง่ายมากที่สุด ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาในการหาข้อมูล
เครื่องมืออย่าง Deep Research จะกลายมาเป็นผู้ช่วย AI ส่วนตัวของผู้ใช้ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือในการหาข้อมูล อย่างในกรณีที่เป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทเตรียมตัวนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับระบบเซ็นเซอร์ของรถยนต์ไร้คนขับ และทำความเข้าใจว่าเทคโนโลยี รวมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โปรเจกต์เช่นนี้อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการหาข้อมูลและตรวจสอบแหล่งอ้างอิงจากเว็บไซต์ต่างๆ จำนวนมาก
Deep Research จะช่วยทำงานที่ซับซ้อนนี้แทน หลังจากที่ป้อนคำถาม ระบบจะสร้างแผนการวิเคราะห์ข้อมูลหลายขั้นตอนที่คุณสามารถแก้ไขหรืออนุญาตให้ดำเนินการได้ ก่อนเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากเว็บไซต์ต่างๆ แทนโดยละเอียด
ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที Gemini จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกดูข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ พร้อมค้นหาข้อมูลตามที่ได้เรียนรู้ Gemini ซ้ำๆ หลายครั้ง ก่อนสร้างรายงานที่ครอบคลุมข้อมูลที่สำคัญ ที่สามารถส่งต่อไปยัง Google Docs ที่มีการจัดระเบียบพร้อมลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูล
กรณีที่มีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการปรับแต่งรายงาน ก็สามารถถาม Gemini ให้ปรับแก้ไขได้เลย ทำให้ทุกอย่างจะเสร็จได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
Deep Research นับเป็นเครื่องมือที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็ก และต้องการรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์คู่แข่งและคำแนะนำสำหรับสถานที่ตั้งของธุรกิจที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว หรือนักการตลาดที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญการตลาดที่ทำงานด้วยระบบ AI ล่าสุดเพื่อใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการวางแผนการตลาดในปี 2025
ฟีเจอร์ Deep Research พร้อมให้บริการแล้วสำหรับผู้ใช้ Gemini Advanced ในภาษาไทย และภาษาอื่นๆ กว่า 45 ภาษาใน 100 ประเทศทั่วโลก ทั้งบนเดสก์ท็อปและเว็บบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และจะพร้อมใช้งานในแอป Gemini บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในช่วงต้นปี 2025