ดีอีเฮ! บิ๊กเทคโลกบุกไทย ทุ่มแสนล้านดันเศรษฐกิจดิจิทัลพุ่ง

แจ้งเกิดเศรษฐกิจดิจิทัลไทย! 'ประเสริฐ' ปลื้มครองสัดส่วนแตะ 23.9% GDP กูเกิล-ไมโครซอฟท์ทุ่มแสนล้านลงทุน AI ปี 68 ลุ้น 2 บิ๊กเทคโลกร่วมวง

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.67 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยในงานสัมมนาเพื่อเผยแพร่การดำเนินโครงการ เรื่อง Thailand Digital Economy 2024 ว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยปี 67 แสดงศักยภาพโดดเด่น ด้วยอัตราขยายตัวที่ 5.7% (Broad Digital GDP ราคาที่แท้จริง) หรือสูงกว่า GDP รวมของประเทศที่ขยายตัวเพียง 2.6% (ข้อมูลจาก สศช.) กว่า 2.2 เท่า ด้านการค้าระหว่างประเทศ การส่งออกสินค้าและบริการดิจิทัล (ราคาที่แท้จริง) คาดว่าจะเติบโตถึง 17.2% หรือประมาณ 2.8 เท่าของการส่งออกสินค้าและบริการโดยรวมที่ขยายตัวเพียง 6.1%

นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเป็นทางการ โดยเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในปีนี้มีสัดส่วนถึง 23.9% ของ GDP พร้อมการส่งออกสินค้าและบริการดิจิทัลมูลค่า 44,600 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเกิดจากการผลักดันของรัฐบาลที่ส่งเสริมการลงทุนด้านดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น นโยบายคลาวด์เฟิร์ส (Cloud First) ซึ่งดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ระดับโลกอย่างกูเกิล ไมโครซอฟท์ และดาต้าแมกซ์ เข้ามาลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และดาต้าเซ็นเตอร์รวมกว่า 1 แสนล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา

"ปี 68 จึงคาดว่าจะมีบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อีก 2 รายเข้ามาลงทุนเพิ่ม มูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท แม้ชื่อบริษัทจะยังไม่เปิดเผย โดยต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากเอกชน อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้สะท้อนถึงผลลัพธ์จากนโยบายต่อเนื่องของรัฐบาลทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่มุ่งพัฒนารัฐบาลดิจิทัลและเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น บริการคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตในอัตราที่สูงกว่าเศรษฐกิจโดยรวมถึง 2 เท่าในปีนี้" นายประเสริฐ กล่าว


นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ คณะกรรมการดีอี กล่าวว่า คาดว่าเศรษฐกิจดิจิทัลปี 67 จะมีมูลค่าสูงถึง 4.44 ล้านล้านบาท เติบโต 5.7% จากปี 66 คิดเป็น 2.2 เท่าของการขยายตัว GDP โดยรวมที่เพิ่มขึ้นเพียง 2.6% สะท้อนบทบาทของเศรษฐกิจดิจิทัลในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า

สำหรับการลงทุนด้านดิจิทัลภาคเอกชน (CVM) ขยายตัว 2.8% ขณะที่ภาครัฐเพิ่มขึ้น 4.5% หลังจากฐานติดลบในปีก่อนหน้า โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นของทั้งสองภาคส่วน ด้านการบริโภคภาคเอกชนในอุตสาหกรรมดิจิทัลเติบโต 5.6% สูงกว่าการบริโภคโดยรวมของประเทศที่เพิ่มขึ้น 4.8% ส่วนการบริโภคภาครัฐขยายตัวถึง 11.4% จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ สะท้อนความต้องการสินค้าและบริการดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วน

การส่งออกสินค้าและบริการในอุตสาหกรรมดิจิทัลเติบโต 17.2% สูงกว่าปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 5.1% สอดคล้องกับการส่งออกโดยรวมของประเทศที่เพิ่มขึ้น 6.1% จากเดิมที่ขยายตัว 2.1% ในปีที่ผ่านมา ด้านการนำเข้าสินค้าและบริการดิจิทัลเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อนหน้าที่เติบโตเพียง 3% แม้การนำเข้าจะเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของการส่งออก แต่สะท้อนศักยภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยในการสร้างรายได้จากเงินตราต่างประเทศ

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศด้านดิจิทัลขยายตัว 5.71% จากปีก่อนหน้าที่โตเพียง 2.75% โดยอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์เติบโตสูงสุดถึง 12.64% ตามด้วยอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่ขยายตัว 10.00% ทั้งนี้ อุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตโดยรวมสูงถึง 1.90% จากทั้งหมด 5.71% คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของการเติบโต

การผลิตที่ขยายตัวสูงในปีนี้ ได้แก่ การผลิตสายเคเบิลเส้นใยนำแสง การขายส่งและขายปลีกโทรศัพท์ และอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม ส่งผลให้อุตสาหกรรมดิจิทัลไทยก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศ

"คาดการณ์ว่าในปี 2568 และ 69 การลงทุนด้านดิจิทัลของภาคเอกชนจะกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจไทยโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยปีนี้เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวได้ดี มีการลงทุนและการบริโภคภาครัฐ รวมถึงการส่งออกสินค้าและบริการดิจิทัล เป็นปัจจัยหลักในการผลักดันการเติบโต แม้ว่าการลงทุนของภาคเอกชนในด้านดิจิทัลจะยังไม่มีการขยายตัวอย่างชัดเจน แต่แนวโน้มในอนาคตชี้ชัดว่า ภาคเอกชนจะมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย" นายเวทางค์ กล่าว