xs
xsm
sm
md
lg

3 ข้อสรุปดรามา "TikTok ถูกเชือด" ดีเดย์โทษแบน 19 มกราคม 2025 ที่สหรัฐอเมริกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผ่าประเด็นสำคัญและผลกระทบจากกรณี "ติ๊กต็อก" (TikTok) อาจถูกห้ามให้บริการในสหรัฐอเมริกาวันที่ 19 มกราคม 2025 แกนกลางดรามาของเรื่องนี้อยู่ที่ 3 เส้นเรื่อง และทุกเส้นเรื่องกำลังส่งแรงกระเพื่อมมหาศาล

***กฎหมายสำคัญ รายได้ก็สำคัญ

เส้นเรื่องแรกของดรามาที่อาจจะเกิดในวันที่ 19 มกราคม 2025 คือกฎหมายใหม่ของสหรัฐอเมริกากำลังบีบให้ TikTok ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ โดยบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของ TikTok อาจต้องขายกิจการ เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น TikTok จะต้องปิดตัวลงภายในวันที่ 19 มกราคม 2025

เส้นเรื่องที่ 2 คือ TikTok ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ที่เขต D.C. แล้ว เพื่อระงับการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว หลังจากคำร้องแรกถูกปฏิเสธ และเน้นเรื่องที่ 3 คือรัฐบาลโจ ไบเดน (Biden) ก็อ้างว่ามาตรการนี้จำเป็นเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลของ TikTok และความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน

ผลกระทบที่สำคัญจาก 3 เส้นเรื่องนี้แยกออกได้เป็น 2 สาย สายแรกคือสายธุรกิจ มีการคาดกันว่าจะเม็ดเงินรายได้ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนจะหายวับไปกับตา


ความจริงที่หนีไม่พ้นคือ TikTok ช่วยให้สินค้าขายดี สถิติล่าสุดพบว่า 69% ของธุรกิจที่ใช้ TikTok รายงานว่ายอดขายเพิ่มขึ้นโดยตรงจากการใช้แพลตฟอร์ม ดังนั้น หากปิดชั่วคราวเพียง 1 เดือน การสูญเสียรายได้จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากการโฆษณาทั่วโลกราว 29%

***ครีเอเตอร์ซวย?

ผลกระทบต่อผู้สร้างคอนเทนต์นั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน รายงานระบุว่าผู้สร้างคอนเทนต์กว่า 2 ล้านคนอาจสูญเสียรายได้ หากลองนับนิ้วคร่าวๆ ตัวเลขความสูญเสียอาจพุ่งถึงหลัก 300 ล้านดอลลาร์ระหว่างช่วงหยุดให้บริการ และมหาชนชาวครีเอเตอร์จำใจต้องย้ายไปใช้แพลตฟอร์มอื่น เช่น อินสตาแกรม (Instagram) หรือยูทูบ (YouTube) ซึ่งตอนนี้ครีเอเตอร์บน TikTok เริ่มมีการกระจายข่าวให้ผู้ติดตามย้ายไปรับชมคอนเทนต์ที่ 2 ค่ายโซเชียลนี้แล้ว

ในฝั่งชุมชนผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่คาดว่ามีมากกว่า 170 ล้านคน ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างเลี่ยงไม่ได้ คาดว่า TikTok จะสูญเสียผู้ใช้งานชาวอเมริกันถึงหนึ่งในสามไปอย่างง่ายดาย

หากพิจารณาผลกระทบเชิงนโยบาย ดรามานี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เป็นของต่างชาติ และจะเกิดการถกเถียงเรื่องสมดุลระหว่างความมั่นคงของชาติกับผลประโยชน์ทางการตลาดเสรี ส่วนนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีที่อเมริกาใช้จัดการกับเทคโนโลยี ความเป็นส่วนตัว และการสร้างคอนเทนต์ในอนาคต

ดรามานี้ยังคงดำเนินต่อไปและมีความซับซ้อน แถมยังเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนทั้งอุตสาหกรรมบันเทิง ภาคธุรกิจ และความมั่นคงของชาติ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจและภาคงานครีเอทีฟ หรือการสร้างสรรค์ของอเมริกา ซึ่งเราชาวโลกจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น