xs
xsm
sm
md
lg

เปิดยุทธศาสตร์ WHA Digital อัดฉีด Sustainability Tech ปี 68 (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิด 3 แผน WHA Digital ขยายธุรกิจ Sustainability Technology ในไทยช่วงปี 2568 แย้มวางหมากพัฒนาแพลตฟอร์ม พร้อมขยายการใช้งาน คู่กับการต่อยอดพัฒนา มั่นใจตลาด Sustainability Technology ในประเทศไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า 



การเปิดเผยครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญต่อทั้งประเทศไทยและโลกใบนี้ เพราะ Sustainable Technology หรือเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนนั้นคือเทคโนโลยีที่ถูกสร้างและนำมาใช้โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ด้านสิ่งแวดล้อม 2.ด้านสังคม และ 3.ด้านเศรษฐกิจ โดยตัวอย่างของเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนนั้นมีตั้งแต่ เทคโนโลยีทางกายภาพ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ รวมถึงซอฟต์แวร์สำหรับการรายงานและจัดการประสิทธิภาพด้าน ESG ซึ่งจะช่วยให้ทุกฝ่ายรับมือกับความท้าทายสำคัญของโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติได้ ขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้องค์กรลดรอยเท้าคาร์บอน โดยใช้ AI วิเคราะห์และระบุพื้นที่ที่สร้างของเสียมากที่สุด รวมถึงช่วยในการตัดสินใจผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การจับข้อมูลอัตโนมัติ การวิเคราะห์แดชบอร์ด


สำหรับ WHA Digital นั้นเป็นดาวรุ่งในมือกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทชั้นนำในธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน เคยประกาศอย่างมั่นใจว่าผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2567 จะเติบโตต่อเนื่องและมีรายได้รวมทะลุ 15,000 ล้านบาท โดย WHA ประกาศชัดเจนว่าจะผันตัวมาเป็น Tech Company ทำให้กลุ่มธุรกิจดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพการขับเคลื่อนให้กลุ่มธุรกิจต่างๆ ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป



นันท์ศิลป์ เจนวารินทร์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำกัด
นันท์ศิลป์ เจนวารินทร์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำกัด และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ - ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่าได้วางแผนขยายธุรกิจ Sustainability Technology ในปี 2568 โดยเน้น 3 แนวทางสำคัญเพื่อสร้างระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีที่สนับสนุนความยั่งยืนในประเทศไทย พร้อมทั้งเสริมศักยภาพให้ธุรกิจในเครือและลูกค้าภายนอกสามารถบรรลุเป้าหมาย ESG ได้อย่างมีประสิทธิภาพ



***3 แผนหนุน EV

1 ใน 3 แผนที่ WHA Digital เตรียมไว้คือการพัฒนาแพลตฟอร์มและโซลูชันด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยตั้งเป้าร่วมมือกับกลุ่มบริษัทในเครือ WHA Group เพื่อพัฒนา Circular Economy Platform นำไปสู่การสนับสนุนการจัดการทรัพยากรในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งการลดของเสีย การรีไซเคิล และการใช้ทรัพยากรซ้ำ คาดว่าจะเกิดการผสาน AI และ IoT ในการติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรแบบเรียลไทม์ โดยแพลตฟอร์มจะเริ่มต้นใช้งานภายใน WHA Group ก่อน และในอนาคตจะนำเสนอต่อลูกค้าภายนอกที่ต้องการติดตามและวัดผลโครงการ Circular Economy ของตัวเอง


แผนที่ 2 ของ WHA Digital คือการขยายการใช้งาน IoX Solar Monitoring Platform ส่วนนี้นันท์ศิลป์ อธิบายว่า WHA Digital จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผ่าน IoX Solar Monitoring Platform โดยปัจจุบันมีให้บริการกับลูกค้าในนิคมดับบลิวเอชเอแล้ว ซึ่งจะนำเสนอต่อลูกค้าดับบลิวเอชเอและลูกค้าภายนอกต่อไปเพื่อขยายการใช้งาน สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และพลังงานสะอาดในนิคมอุตสาหกรรม WHA ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย RE100 ซึ่งมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร



แผนที่ 3 ต่อยอดการพัฒนา Mobilix Platform โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรครั้งแรกของไทยที่ WHA Digital จะเสริมศักยภาพของ Mobilix Platform โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร เป้าหมายคือช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เช่น การจัดการเส้นทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ EV

***ไทยคึกคัก Sustainability Tech



WHA Group ยังมองว่าตลาด Sustainability Technology ในประเทศไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากความต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนจากภาครัฐ และแรงกดดันด้าน ESG จากพันธมิตรและนักลงทุนระดับโลก

แนวโน้มสำคัญชุดแรกที่ WHA Group เห็นในตลาด ได้แก่ 1.การเติบโตของพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ทั้งความต้องการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่นจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่พาณิชย์ และการใช้งานระบบจัดเก็บพลังงาน (Energy Storage Systems - ESS) ที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความแปรปรวนของแหล่งพลังงานหมุนเวียน

แนวโน้มที่ 2 คือการพัฒนา Circular Economy และการจัดการทรัพยากร เทคโนโลยีที่สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เช่น AI และ IoT จะมีบทบาทสำคัญในการลดของเสียและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ความต้องการแพลตฟอร์มรีไซเคิลและโซลูชันการจัดการของเสียจะเพิ่มสูงขึ้นในภาคอุตสาหกรรมและการผลิต


แนวโน้มที่ 3 การขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน (Sustainable Infrastructure) ทั้งการลงทุนใน Smart Cities จะเพิ่มมากขึ้น โดยมีการใช้ IoT และ AI เพื่อจัดการทรัพยากรน้ำ พลังงาน และของเสียในเขตเมือง รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน เช่น Smart Energy Grids และ Advanced Grid Management Software จะถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของระบบพลังงาน


แนวโน้มที่ 4 คือการขับเคลื่อน ESG และแรงกดดันจากนักลงทุน บริษัทในประเทศไทยต้องปรับตัวให้เข้ากับเป้าหมายด้าน ESG ซึ่งกลายเป็นข้อกำหนดสำคัญสำหรับการดึงดูดการลงทุนและการรักษาพันธมิตรทางธุรกิจ ความต้องการเทคโนโลยีที่สนับสนุน ESG เช่น Carbon Footprint Measurement และการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนจะเพิ่มขึ้น


แนวโน้มที่ 5 การเติบโตของ Green IT และ Cloud Sustainability องค์กรในประเทศไทยเริ่มหันมาใช้ Green Data Centers และ Cloud Infrastructure ที่มีมาตรฐานด้านความยั่งยืน เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนและการจัดการพลังงานด้วย AI



***โอกาสทอง ลดต้นทุน

WHA Digital มองว่าเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนสามารถสร้างโอกาสใหม่หลายด้านให้ธุรกิจไทย โดยเฉพาะในปี 2568 ซึ่งอาจมีมิติความท้าทายที่ธุรกิจไทยควรเตรียมรับมือ



โอกาสใหม่จากเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ประกอบด้วยธุรกิจที่นำเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนมาใช้ เช่น ระบบพลังงานหมุนเวียน และการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียน อาจจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและพันธมิตรในระดับโลกได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น บริษัทที่สามารถปรับตัวและใช้ Sustainability Tech อย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับความสนใจหรือสามารถสร้างแรงดึงดูดจากนักลงทุนที่มุ่งเน้น ESG

นอกจากนี้ การใช้พลังงานสะอาดและระบบจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ช่วยลดต้นทุนในระยะยาวได้ ธุรกิจสามารถพัฒนาโซลูชันหรือบริการใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความยั่งยืน 


4 ความท้าทายที่ธุรกิจไทยควรเตรียมรับมือ คือ 1.ธุรกิจอาจต้องลงทุนสูงเพื่อปรับตัวสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อความยั่งยืน เช่น ระบบพลังงานหมุนเวียน หรือ AI และ IoT ในการจัดการทรัพยากร 2.ขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะดิจิทัลและความรู้ด้าน Sustainability Technology ต้องพัฒนาบุคลากรให้พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ 3.ธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎหมายและมาตรฐาน ESG ที่เข้มงวดขึ้น และ 4.ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อาจเพิ่มแรงกดดันในการแข่งขันทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวและนำ Sustainability Technology มาใช้ให้ทันเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น