ทรู ยังมั่นใจการเป็น "คิง ออฟ สปอร์ต" ในการให้บริการคอนเทนต์กีฬาที่ครอบคลุม แม้จะไม่ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกในช่วง 6 ฤดูกาลข้างหน้าก็ตาม
มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหารบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่ทรูวิชั่นส์ ไม่ได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในช่วง 6 ฤดูกาลข้างหน้า จากการเปลี่ยนมือผู้ถือสิทธิถ่ายทอดในประเทศไทย โดยยืนยันว่า กลุ่มทรูได้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2025-2028 ซึ่งแม้ได้ยื่นข้อเสนอแข่งขันไปในราคาที่เหมาะสม แต่เนื่องจากมีผู้ร่วมประมูลรายอื่นเสนอราคาสูงกว่าจึงได้รับสิทธิการถ่ายทอดสำหรับฤดูกาลหน้าไป
“การที่ไม่ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ยอมรับว่ามีผลกระทบกับลูกค้าบ้าง แต่ไม่ถือว่ามาก เพราะทรู ยังมีคอนเทนต์กีฬาที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลลีกอื่นๆ ไปจนถึงฟุตบอลถ้วย ฟุตบอลไทยลีก ครอบคลุมไปถึงกีฬาอื่นๆ อย่างเทนนิส กอล์ฟ และมอเตอร์สปอร์ต รวมถึงคอนเทนต์บันเทิงอื่นๆ ที่ทดแทนกันได้ ซึ่งกลุ่มลูกค้าทรูวิชั่นส์ ไม่ได้รับชมแต่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเพียงอย่างเดียว”
มนัสส์ กล่าวต่อว่า คอนเทนต์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ถ้ามีก็ดี แต่ไม่มีก็ไม่กระทบมากเพราะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของพาร์ทของทรู วิชั่นส์เท่านั้น เพราะในตลาดคอนเทนต์ยังต้องแข่งขันกันแบบ 360 องศา ที่ผ่านทรู วิชั่นส์ เคยไม่ได้สิทธิมาก่อนแล้ว แต่ยังคงความเป็น “คิงส์ ออฟ สปอร์ต” ขณะที่ลูกค้าปัจจุบันยังรับชมฟุตบอลอังกฤษได้ต่อเนื่องถึงเดือน พ.ค.68 ซึ่งมีคู่แข่ง ก็สะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งดำเนินธุรกิจให้แข่งขันให้ได้
“ถามว่า กลุ่มทรู มีโอกาสเข้าร่วมพันธมิตร กับ จัสมินฯ ที่ได้รับสิทธิในการถ่ายทอดหรือไม่ ก็มีความเป็นไปได้ ไม่ได้ปิดโอกาส เป็นเรื่องของอนาคต หากไม่ได้ก็เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการ และพยายามมุ่งหาคอนเทนต์มาเสริมเพื่อให้ลูกค้าทรู วิชั่นส์กว่า 1.3 ล้านรายได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด”
ทั้งนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปถึงแนวโน้มในการประมูลเพื่อแข่งขัน ทางกลุ่มทรู จะมีการประเมินล่วงหน้าถึงความคุ้มค่าของผลในการเข้าร่วมประมูล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของใบอนุญาตคลื่นความถี่ 4G 5G ต่างๆ เมื่อถึงเพดานราคาที่กำหนดไว้จะหยุดเคาะประมูล เช่นเดียวกันกับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เมื่อมองว่าประมูลมาแล้วไม่คุ้มค่า หรือทำราคาแข่งขันได้ยากก็ตัดสินใจที่จะหยุด
โดยหลังจากนี้ JAS หรือจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จะเป็นผู้ถ่ายทอดสดภาพ และเสียงของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ ใน 3 ประเทศ ไทย กัมพูชา และลาว ตั้งแต่ฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพที่ 2025/26 จนถึง 2030/31 ซึ่งจะเริ่ม 2025/26 ในวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป คิดเป็นค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมด 19,167,723,414 บาท