xs
xsm
sm
md
lg

ไม่เป็นสองรองใคร! ไทยนำลิ่วฟิชชิงหลอกเรื่องเงิน ตุ๋นถี่แซงเวียดนาม-อินโดฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) เผยไทยแชมป์ฟิชชิงหลอกลวงเรื่องการเงิน คุกคามกระฉูดแซงหน้าทุกชาติในอาเซียน ทิ้งห่างอินโดนีเซียและเวียดนามหลายช่วงตัว สถิติต้มตุ๋นออนไลน์ล่าสุดพุ่งกว่า 1.4 แสนครั้ง

นายเอเดรียน เฮีย กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แคสเปอร์สกี้ กล่าวถึงรายงานของแคสเปอร์สกี้ที่ระบุว่าในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2024) เทคโนโลยีต่อต้านฟิชชิง (anti-phishing) ของแคสเปอร์สกี้ตรวจพบการโจมตีด้วยฟิชชิงการเงินจำนวน 336,294 ครั้งที่พยายามโจมตีองค์กรและธุรกิจต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้วิธีแอบอ้างเป็นแบรนด์อีคอมเมิร์ซ ธนาคารและการชำระเงิน มีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลประจำตัวและข้อมูลละเอียดอ่อนอื่นๆ

“จำนวนผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะตกเป็นเหยื่อนั้นเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการใช้งานธนาคารออนไลน์และเงินดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ระบุว่า การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้เป็นผลมาจากกิจกรรมฉ้อโกงที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่การที่ผู้ใช้ระมัดระวังน้อยลง อาชญากรทางไซเบอร์เริ่มรุกรานมากขึ้นเพื่อหาข้อมูลและเงินของผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงดีไวซ์ขององค์กรด้วย”

ฟิชชิงทางการเงินนั้นเป็นการโจมตีรูปแบบหนึ่งของฟิชชิง ซึ่งเป็นการฉ้อโกงโจมตีธนาคาร ระบบการชำระเงินและร้านค้าดิจิทัล ขณะเดียวกัน ฟิชชิงทางการเงินเป็นวิธีการที่ผู้โจมตีหลอกล่อเหยื่อให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่มีค่า เช่น ข้อมูลรับรองเพื่อเข้าสู่ระบบบัญชีทางการเงิน รวมถึงข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลองค์กรอื่นๆ ที่จัดเก็บไว้ในบัญชี ผู้โจมตีจะใช้กลวิธีทางวิศวกรรมสังคมขั้นสูงเพื่อแอบอ้างเป็นสถาบันการเงิน หวังหลอกลวง ปลุกปั่น ยุยงให้เหยื่อตื่นกลัว และในบางกรณีก็แอบอ้างตัวเป็นองค์กรการกุศลเพื่อหลอกล่อให้เหยื่อบริจาคเงิน


การโจมตีด้วยฟิชชิงทางการเงินกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอาชญากรไซเบอร์พัฒนาและปรับเปลี่ยนกลวิธีให้ซับซ้อนอย่างต่อเนื่อง จำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว โดยได้รับการกระตุ้นจากการนำระบบดิจิทัลมาใช้มากขึ้น รวมถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติโดยผู้ก่อภัยคุกคาม เพื่อสร้างเนื้อหาที่น่าเชื่อถือและกำหนดเป้าหมายการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับประเทศไทยพบจำนวนการโจมตีด้วยฟิชชิงทางการเงินสูงสุดในภูมิภาคมากถึง 141,258 ครั้ง รองลงมาคืออินโดนีเซีย 48,439 ครั้ง เวียดนาม 40,102 ครั้ง มาเลเซีย 38,056 ครั้ง สิงคโปร์ 28,591 ครั้ง และฟิลิปปินส์น้อยที่สุด 26,080 ครั้ง ทั้งนี้ ประเทศไทยและสิงคโปร์มีจำนวนการโจมตีด้วยฟิชชิงเพิ่มขึ้นสูงสุด 582% และ 406% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว

นายเอเดรียน เชื่อว่าฟิชชิงทางการเงินจะยังเติบโตต่อเนื่องในภูมิภาคนี้ ภาคส่วนต่างๆ เช่น ธนาคาร ประกันภัย และอีคอมเมิร์ซจะยังเป็นเป้าหมายหลัก นอกเหนือจากกลวิธีอีเมลฟิชชิงแบบเดิมแล้ว อาชญากรไซเบอร์จะยังใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มการส่งข้อความเพื่อแพร่กระจายลิงก์ปลอม เพจปลอม และแอปปลอม อีกทั้งเทคโนโลยี Deepfake ที่แพร่หลายมากขึ้น

"เราจะพบเห็นวิดีโอปลอมและข้อความเสียงที่มีความซับซ้อนสูงและตรวจจับได้ยากมากขึ้น บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น โดยใช้โซลูชันรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ รวมถึงการนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้ และฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามไซเบอร์ พร้อมวิธีปกป้องตนเองและองค์กร"


Kaspersky ให้คำแนะนำองค์กรและธุรกิจทุกขนาดเพื่อปกป้ององค์กรจากภัยไซเบอร์ ว่ากระบวนการและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Process and Best Practices) คืออัปเดตซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ทั้งหมดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันผู้โจมตีจากการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่และแทรกซึมเข้าสู่เครือข่ายขององค์กร นอกจากนี้ ควรติดตั้งแพตช์ที่พร้อมใช้งานสำหรับโซลูชัน VPN เชิงพาณิชย์โดยทันที เพื่อให้พนักงานที่ทำงานระยะไกลเข้าถึงได้และทำหน้าที่เป็นเกตเวย์ในเครือข่ายสำรองข้อมูลเป็นประจำ และตรวจสอบว่าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็นหรือในกรณีฉุกเฉิน 

ขณะเดียวกัน Kaspersky ชี้ว่าห้ามเปิดเผยบริการเดสก์ท็อป/การจัดการระยะไกล (เช่น RDP, MSSQL เป็นต้น) ให้เครือข่ายสาธารณะ และควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง ใช้ 2FA และไฟร์วอลล์สำหรับบริการเหล่านี้เสมอ โดยควรตรวจสอบการเข้าถึงและกิจกรรมในเครือข่ายเพื่อค้นหากิจกรรมที่ผิดปกติ ควบคุมการเข้าถึงของผู้ใช้ตามความจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงของการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและการรั่วไหลของข้อมูล

นอกจากนี้ ควรจัดทำคู่มือความปลอดภัยฉุกเฉิน ซึ่ง Kaspersky มีบริการช่วยฝึกซ้อมกรณีฉุกเฉิน ประเมินและตรวจสอบการเข้าถึงซัปพลายเชนและบริการ และควรจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัยด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น