เอกสารหลุด ประธาน กสทช.ไฟเขียวเซ็นแต่งตั้ง "ไตรรัตน์" นั่งรองเลขาฯ สายงานยุทธศาสตร์ เดินหน้าสานงานใหญ่ ยาวถึงเกษียณ 30 เม.ย.68
เอกสารบันทึกข้อความ 5 หน้า ถูกเปิดเผยจาก สำนักงาน กสทช. ลงนามโดย นายสมบัติ ลีลาพตะ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ รักษาการแทนรองเลขาธิการ กสทช. ขณะนั้น เอกสารลงวันที่ 13 ก.ย.67 เสนอ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) เห็นชอบแต่งตั้ง นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. สายงานยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร เป็นพนักงานประจำ ซึ่งประธาน กสทช. ลงนามเห็นชอบวันที่ 17 ก.ย.67
แต่ประเด็นที่สะเทือนวงในอยู่ที่คำสั่งภายหลัง เมื่อ นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช.ด้านโทรคมนาคม ใช้อำนาจรักษาการแทนเลขาธิการ ลงนามแต่งตั้ง นายไตรรัตน์ เป็นพนักงานประจำยาวจนถึงเกษียณในวันที่ 7 ต.ค.67 ขณะที่ นายไตรรัตน์ กำลังปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ แต่ไม่กี่วันต่อมา กลับมีหนังสือส่งขอยกเลิกคำสั่งดังกล่าว
ทั้งนี้ เอกสารที่เสนอให้แต่งตั้ง นายไตรรัตน์ ระบุว่า ประธาน กสทช. เคยลงนามเมื่อวันที่ 1 ก.ค.67 อนุมัติให้ดำเนินการตามระเบียบ กสทช. ว่า ด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2565 โดยใช้เกณฑ์ประเมินผลงานประจำปีเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี ซึ่ง นายไตรรัตน์ ได้คะแนนประเมินสูงถึง 88.43 คะแนน จากเต็ม 90 และคะแนนความประพฤติอีก 9.5 จาก 10 คะแนน
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้ง นายไตรรัตน์ เพื่อปฏิบัติงานประจำจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.68 เป็นต้นไป แต่การเคลื่อนไหวที่ตามมาทำให้สถานการณ์ใน กสทช. ตึงเครียด และเปิดช่องให้เกิดคำถามถึงกระบวนการแต่งตั้ง และการใช้อำนาจในองค์กรสำคัญนี้
แหล่งข่าวจากสำนักงาน กสทช. ตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการแต่งตั้ง นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล เป็นรองเลขาธิการประจำว่ามีการประเมินผลก่อนครบวาระ 5 ปี ถึง 7 เดือน โดยไม่เป็นไปตามระเบียบที่กำหนด แม้จะมีการอ้าง มาตรา 88 ระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2565 แต่กลับไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินรองเลขาธิการประจำให้บอร์ดพิจารณาและเห็นชอบก่อน
แทนที่จะใช้เกณฑ์ที่เหมาะสม กลับมีการอ้างหลักเกณฑ์การต่อสัญญาจ้างพนักงานมาใช้ "โดยอนุโลม" ซึ่งทำให้เกิดข้อกังขาถึงความชอบธรรมในกระบวนการ
นอกจากนี้ แหล่งข่าวชี้ว่า มาตรา 88 ที่อ้างถึง ไม่ได้ระบุให้ยกเว้น มาตรา 29 วรรค 1 ที่กำหนดว่าการแต่งตั้งรองเลขาธิการประจำต้องได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด กสทช. แต่กระบวนการกลับใช้ข้ออ้างว่าเป็นการต่อสัญญาจ้าง เช่นเดียวกับกรณีของ นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ อดีตรองเลขาธิการ กสทช.
อย่างไรก็ตาม กรณีของ นายภูมิศิษฐ์ นั้นเป็นการต่อสัญญาจ้างในตำแหน่งเดิม ไม่ใช่การเปลี่ยนสถานะเป็นรองเลขาธิการประจำ เช่น กรณีของ นายไตรรัตน์ ทำให้คำถามถึงความโปร่งใสและความถูกต้องของกระบวนการแต่งตั้งยังคงค้างคา
กสทช. จะชี้แจงปมความขัดแย้งนี้อย่างไร? กระบวนการแต่งตั้งที่เกิดขึ้นมีความโปร่งใสหรือไม่? คำถามเหล่านี้กำลังรอคำตอบจากองค์กรสำคัญของประเทศ