ชาวเน็ตไทยเตรียมตัวเจอโฆษณาตรงพฤติกรรมมากขึ้น ผลจากแพลตฟอร์มคอมเมิร์ซมีเดียส่งสัญญาณบูมแรง ล่าสุด "คริทิโอ" (Criteo) แบรนด์ Commerce Media Platform จากฝรั่งเศสเตรียมบุกไทย เปิดแผนรวบข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคจากพันธมิตรค้าปลีกแล้วใช้ AI ยิงโฆษณาเพื่อยกระดับประสบการณ์การชอปปิ้งในประเทศ ชี้กำหนดเป้าหมายอย่างแม่นยำ มั่นใจตอบสนองพฤติกรรมการซื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้บริโภคชาวไทย
นายทารัญจิต ซิงห์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่าย Venture Markets ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Criteo กล่าวว่า แพลตฟอร์มสื่อพาณิชย์หรือ CMP ของ Criteo ใช้ข้อมูลอีคอมเมิร์ซที่ครอบคลุมและโมเดล AI ขั้นสูงเพื่อสร้างโฆษณาส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยจะเน้นใช้ข้อมูลเฟิร์สต์ปาร์ตี้ หรือข้อมูลจากบริษัทบุคคลที่ 1 ที่เก็บข้อมูลโดยตรง ทำให้การโฆษณาสามารถกำหนดเป้าหมายอย่างแม่นยำตลอดเส้นทางของผู้ซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลตามฤดูกาล เช่น วันคนโสด
"สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งคือโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที และ API ของเราสามารถบูรณาการกับผู้ค้าปลีกและแบรนด์ต่างๆ ทำให้ Criteo มีสิทธิเข้าถึงชุดข้อมูลการพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด ซึ่งมีมูลค่าการขายอีคอมเมิร์ซ 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ข้อมูลเชิงลึกมากมายเหล่านี้ช่วยให้เราขับเคลื่อนโมเดล AI ที่ยกระดับอีคอมเมิร์ซได้"
ทารัญจิตชี้ว่าธุรกิจในปัจจุบันให้ความสำคัญกับคอมเมิร์ซมีเดีย หรือการผสมผสานการค้าขายเข้ากับสื่อโฆษณาแบบเป็นเนื้อเดียว เนื่องจากในโลกที่การค้าขายซับซ้อนขึ้นกว่าในอดีต ธุรกิจต้องการให้ทุกครั้งที่ผู้บริโภคเห็นโฆษณา สามารถตัดสินใจซื้อและสร้างยอดขายได้ทันที สมชื่อคอมเมิร์ซมีเดียที่จะเป็นเทรนด์แรงของโฆษณาดิจิทัลยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม การจะสร้างยอดขายได้จากการเห็นโฆษณานั้นจะทำได้เมื่อแบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น และสามารถเสนอขายสินค้าได้มากขึ้น 2 ความต้องการนี้ทำให้ Criteo มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากบริษัทมีเทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และในช่วงหลังโควิด บริษัทได้เห็นผู้บริโภคจำนวนมากซื้อออนไลน์
"คอมเมิร์ซมีเดีย คือคลื่นลูกถัดไปของโฆษณาดิจิทัล การเติบโตเร็วมากไม่ต่ำกว่า 66% ใน 2 ปี ธุรกิจจะให้ความสำคัญกับคอมเมิร์ซมีเดียและพร้อมลงทุนในส่วนนี้ เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด ให้ประสบการณ์ที่ทำให้ผู้ใช้ภักดีกับแบรนด์ สร้างยอดขายในระยะยาวได้ รวมถึงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้แบบคลุม 360 องศาครบวงจร ทั้ง บนเว็บร้านค้า และบนเว็บไซต์สื่อ โดยใช้ AI จับคู่"
ทารัญจิตชี้ว่า Criteo มีประสบการณ์ 17 ปีในด้าน AI และมีวิศวกรด้านการวิจัยและพัฒนาและผลิตภัณฑ์มากกว่า 1,100 คน บริษัทได้พัฒนาโมเดลเพื่อนำเทคโนโลยี Deep Learning มาใช้ในระบบขนาดใหญ่ได้สำเร็จ และเมื่อรวมกับข้อมูลอีคอมเมิร์ซที่ผู้บริโภคให้ความยินยอมไว้แล้ว Criteo จึงสามารถส่งมอบโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับผู้บริโภคแต่ละรายได้ตลอดกระบวนการซื้อทั้งหมด
เมื่อถามว่า Criteo มีแผนจะปรับกลยุทธ์การกำหนดเป้าหมายผู้ซื้อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ที่ไม่เหมือนใครของผู้บริโภคชาวไทยอย่างไร Criteo มั่นใจว่าบริษัทสามารถมอบข้อมูลเชิงลึกที่ไม่มีใครเทียบได้เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อและความชอบของผู้บริโภค ซึ่งนอกจากการทำ Deep Learning เพื่อสามารถส่งมอบโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละบุคคล Criteo ยังใช้ประโยชน์จากแนวโน้มข้อมูลตลาดและการช้อปปิ้งอีกด้วย
"ตัวอย่างเช่น ข้อมูลของ Criteo จากคนโสด (11/11) แสดงให้เห็นว่าปริมาณการค้าปลีกออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในเดือนตุลาคม 2024 เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ธุรกรรมการค้าปลีกที่เสร็จสมบูรณ์ในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดังนั้น โอกาสในการชอปปิ้งตามฤดูกาลและกิจกรรมอีคอมเมิร์ซเหล่านี้จึงถือเป็นโอกาสทองสำหรับแบรนด์และผู้ค้าปลีกในการผลักดันการดึงดูดลูกค้าใหม่และลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำในอีเวนต์ดังกล่าว และทำให้แบรนด์หรือแพลตฟอร์มการค้าปลีกอยู่ในใจลูกค้าเสมอ
Criteo ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่ากำลังพิจารณาความร่วมมือกับธุรกิจในไทยเพื่อขับเคลื่อนการนำแพลตฟอร์ม Criteo ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบุเพียงว่าได้ให้การสนับสนุนแบรนด์ต่างๆ มากมายในประเทศไทยมาหลายปี และล่าสุดได้ร่วมมือกับพันธมิตรพิเศษอย่าง MediaDonuts ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็นส่วนขยายในตลาด และการมีพันธมิตรในพื้นที่ช่วยให้ Criteo ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น ทำให้เข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เต็มที่ เสริมสร้างความครอบคลุม และให้บริการที่เหนือกว่าต่อเนื่อง
สำหรับคุณสมบัติหรือนวัตกรรมที่ Criteo วางให้เป็นแกนในการโฟกัสตลาดไทย ประกอบด้วย 4 โซลูชันซึ่งมุ่งหวังที่จะตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้โฆษณาชาวไทย รวมถึงผู้ค้าปลีก แบรนด์ เอเยนซี และนักการตลาดด้านประสิทธิภาพ โดย 1 ใน 4 โซลูชันหลักคือ Commerce Max ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านอุปสงค์ ที่มอบจุดเชื่อมให้นักโฆษณาและเอเยนซีสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ชม และสื่อของผู้ค้าปลีกทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์
นายสุเกช ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเยนซีและแบรนด์ระดับโลก ประจำภูมิภาคเอเชียใต้ แสดงความมั่นใจว่าคอนเมิร์ซมีเดียมีโอกาสเติบโตสูงมากในไทย นอกจากคนไทยอ้าแขนรับเทคโนโลยีใหม่ และมีอัตราการใช้ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นเร็ว แต่ประเทศไทยยังมีธุรกิจเกิดใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีอุตสาหกรรมรองรับจำนวนมาก ทำให้ตลาดโฆษณาดิจิทัลไทยมีศักยภาพสูง
"ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับการโฆษณาดิจิทัล การเติบโตของอีคอมเมิร์ซไทยแข็งแกร่งมาก มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยสูงถึง 634 พันล้านบาทในปี 2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 700 พันล้านบาทในปี 2567 ด้วยอัตราการเติบโตปีละ 6%"
Criteo พบว่าปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวไทยกว่า 67% ซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และคนไทย 88% (ประมาณ 63 ล้านคน) ใช้อินเทอร์เน็ต โดยเฉลี่ยใช้เวลาออนไลน์เกือบ 8 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ จำนวนธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่จดทะเบียนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา และการเติบโตของอีคอมเมิร์ซช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น โลจิสติกส์ ศูนย์บริการจัดส่ง บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการโฆษณาดิจิทัล ซึ่งเสริมสร้างระบบนิเวศโดยรวมในประเทศไทย
