TKC เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 กำไร 51.51 ล้านบาท มีรายได้รวม 458.17 ล้านบาท หลังเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน AIT จำนวน 38.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% ปลายปีเป้าหมายกำไรเติบโต 10% เป็นไปตามคาด
นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC กล่าวว่า ในช่วงปลายปีมั่นใจว่าจะมีโอกาสเติบโตจากการที่ภาครัฐเริ่มนำงบประมาณออกมาใช้จ่ายในโครงการต่างๆ บนเป้าหมายที่วางไว้คือกำไรเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากลูกค้าธุรกิจหลัก และธุรกิจใหม่ทั้ง 8 กลุ่ม
“ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัททีเคซีมีงานโครงการที่จะลงทุนเยอะสุดในกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในภาคสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัททีเคซี ส่วนธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นสมาร์ทต่างๆ เช่น Smart Hospital, Smart Farming, Smart Logistics ทางบริษัทคาดหวังจะได้งานโปรเจกต์อย่างคลาวด์ จะเป็นการยกระดับนโยบายของรัฐบาลสู่ Cloud First Policy หรือการใช้งานระบบคลาวด์เป็นหลัก คาดว่าจะออกมาในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และปีหน้า ถือเป็นโอกาสของบริษัททีเคซี”
ปัจจุบัน ทีเคซี มีงานที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) ประมาณ 2,300 ล้านบาท คาดว่าจะรับรายได้ปีนี้ประมาณ 30% โดยตั้งเป้าความสามารถในการเข้าประมูลประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี จะเลือกเข้าร่วมประมูลโครงการที่บริษัททีเคซีมีความเชี่ยวชาญ และได้วางเป้าหมายอย่างน้อยจะมีงานเข้ามาเติมพอร์ตแบ็กล็อกประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ของการเข้าร่วมประมูล
ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ากำไรเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากธุรกิจหลักด้านโทรคมนาคมและไอซีทีที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจด้านไซเบอร์ซิเคียวริตีปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5% จากรายได้ทั้งหมด และในปีถัดไปจะเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลักไปอีก 5 ปีต่อจากนี้ ภายใต้แผนที่จะขยายสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้เพิ่มเฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 7-10% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ประจำอยู่ที่ประมาณ 35% ของพอร์ตรายได้รวม
สำหรับผลประกอบการบริษัททีเคซี ในงวดไตรมาส 3 ปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 51.51 ล้านบาท ลดลง 30.24% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 73.84 ล้านบาท มีรายได้รวม 458.17 ล้านบาท ลดลง 51.46% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 943.96 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2566 บริษัทรับรู้รายได้จากงานโครงการขนาดใหญ่ และโครงการที่เริ่มดำเนินการและส่งมอบงานในระหว่างปี
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 38.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ในไตรมาส 4/2566