xs
xsm
sm
md
lg

'สิงคโปร์' ลั่นกลองรบ โค่นแรนซัมแวร์-กันภัยไซเบอร์ (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 'สิงคโปร์' ลั่นกลองรบ จัด SICW2024 แท็กทีมพันธมิตรโลก โค่นแรนซัมแวร์-กันภัยไซเบอร์

การประชุม Singapore International Cyber Week (SICW) 2024 ปีนี้ เป็นอีกหนึ่งการประชุมสำคัญ ที่เน้นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ มีผู้แทนจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และแนวทางในการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในประเทศ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล รวมถึงเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนจากนานาประเทศได้มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นจากประเทศไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันและสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านความปลอดภัยไซเบอร์

นายเดวิด โคห์ กรรมาธิการด้านความปลอดภัยไซเบอร์และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CE) หน่วยงานความปลอดภัยไซเบอร์ของสิงคโปร์ (CSA) และหัวหน้า (ความปลอดภัยดิจิทัลและเทคโนโลยี) กระทรวงการพัฒนาดิจิทัลและสารสนเทศ สิงคโปร์ ให้สัมภาษณ์พิเศษว่า หนึ่งในหัวข้อที่ SICW ให้ความสำคัญในปีนี้ คือ "Women in Cyber" ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงในวงการความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยดึงศักยภาพของผู้หญิงมาช่วยเสริมสร้างวงการไซเบอร์ให้แข็งแกร่งมากขึ้น บทบาทของผู้หญิงในวงการนี้กำลังเป็นที่สนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า ทุกภาคส่วนกำลังเผชิญกับการขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ การส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นจะช่วยเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีคุณภาพ

ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ ในสิงคโปร์ รัฐมนตรีและปลัดกระทรวง ซึ่งมีบทบาทหลักในการกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นล้วนเป็นผู้หญิง เช่น รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาอัจฉริยะและความมั่นคงทางไซเบอร์ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายและทิศทางของการพัฒนาทางดิจิทัลและไซเบอร์ในประเทศ นอกจากนี้ SICW ยังมีการจัดการประชุมและเสวนาพิเศษที่เชิญผู้หญิงผู้เชี่ยวชาญในวงการไซเบอร์มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงคนอื่นๆ เห็นว่า บทบาทในวงการนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะเพศใดเพศหนึ่ง

◉ 'แรนซัมแวร์' ภัยคุกคาม-ลุกลามทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาแรนซัมแวร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกกำลังกลายเป็นปัญหาระดับชาติ โดยแรนซัมแวร์ได้เปลี่ยนแปลงจากการโจมตีเล็กน้อยในอดีตไปสู่การโจมตีที่มีเป้าหมายองค์กรขนาดใหญ่และหน่วยงานสำคัญ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายทางการเงินและผลกระทบต่อความปลอดภัยของประเทศอย่างมาก เหตุการณ์โจมตี Colonial Pipeline ในสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งพลังงานในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญของการป้องกันแรนซัมแวร์ในระดับนานาชาติ

สิงคโปร์เป็นสมาชิกของ โครงการ Counter Ransomware Initiative ซึ่งมีสมาชิกกว่า 60 ประเทศที่มุ่งเป้าหมายให้เกิดการร่วมมือในการป้องกันและตอบสนองต่อแรนซัมแวร์ โดยประเทศสมาชิกมีการวางมาตรการที่ครอบคลุมทั้งการป้องกันเชิงรุก การพัฒนาเครื่องมือสำหรับแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดเหตุ และการติดตามเงินที่เกี่ยวข้องกับแรนซัมแวร์เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

"ความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปัจจุบันไม่สามารถทำได้เพียงองค์กรหรือหน่วยงานเดียว ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ ประเทศต่างๆ จึงต้องเร่งผลักดันให้ความรู้และการสร้างความตระหนักรู้ถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์สู่ประชาชนในทุกระดับ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เช่น โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ IoT ที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้และอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมได้" นายเดวิด ระบุ

ผนึกกำลัง ตั้ง 'ASEAN CERT' กันภัยไซเบอร์

การจัดตั้ง ทีมรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับภูมิภาค (ASEAN CERT) ได้รับการยอมรับจากทุกประเทศในอาเซียน โดยมุ่งหวังให้เกิดการสื่อสารที่รวดเร็วและประสานงานในการรับมือกับเหตุการณ์ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น โดยการโจมตีไซเบอร์ในภูมิภาคหนึ่งมักจะส่งผลกระทบไปยังประเทศใกล้เคียงได้ เช่น หากมีการโจมตีที่ฟิลิปปินส์ อาจมีการแพร่กระจายไปยังสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้เช่นกัน การมี ASEAN CERT จะช่วยให้ทุกประเทศสามารถแบ่งปันข้อมูลและการแจ้งเตือนภัยได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาตรวจสอบการปฏิบัติตามแนวทางความปลอดภัยไซเบอร์ 11 ประการที่พัฒนาโดยสหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือเหตุการณ์โจมตีจากแหล่งอื่น และการจัดเตรียมทีมตอบสนองที่ช่วยแก้ไขเหตุการณ์เร่งด่วนอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้จะช่วยเสริมสร้างมาตรฐานความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพให้ประชาชน

◉ สิงคโปร์ ลุยจัดเรตติ้งอุปกรณ์ IoT

ทั้งนี้ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่น เราเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน สมาร์ทล็อก และอุปกรณ์ IoT อื่นๆ กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคกลับประสบปัญหาในการเลือกซื้ออุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยเพียงพอ จากแนวคิดนี้ สิงคโปร์จึงริเริ่มระบบการให้คะแนนอุปกรณ์ IoT เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยระบบนี้จะแสดงระดับความปลอดภัยของอุปกรณ์ในรูปแบบดาว ซึ่งคล้ายกับการให้คะแนนการประหยัดพลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบนี้ยังเปิดให้ผู้ผลิตสมัครเข้ารับการตรวจสอบความปลอดภัยได้โดยสมัครใจ และปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่ได้รับการประเมินแล้วกว่า 4,500 ชิ้น โดยราว 60% ของอุปกรณ์เหล่านี้สมัครเข้ารับการตรวจสอบโดยสมัครใจ และสามารถนำคะแนนความปลอดภัยไปใช้ในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ทั่วภูมิภาคเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค

ทั้งนี้ สิงคโปร์ยังมุ่งหวังให้เกิดมาตรฐานด้านความปลอดภัย IoT ระดับสากล โดยมุ่งหมายที่จะร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO) เพื่อพัฒนามาตรฐานการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แบบสากล สิ่งนี้จะช่วยให้ประเทศต่างๆ สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อความสะดวกและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก

การประชุม SICW ครั้งนี้ สะท้อนถึงความสำคัญของการมีความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็งในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ การสร้างมาตรฐานสากลในด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ IoT และการผลักดันความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งขึ้นในภูมิภาคอาเซียน สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ทุกประเทศสามารถเผชิญหน้าและตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น