“ยรรยง มุนีมงคลทร” ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่าเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมยุคใหม่จะไม่พิมพ์แค่บนกระดาษอีกต่อไป แต่จะพิมพ์บนนานาวัสดุ เพื่อตอบโจทย์การค้าที่หลากหลาย
ประโยคนี้ของยรรยง สะท้อนอะไรได้มากมาย โดยเฉพาะมุมมองเชิงลึกของเอปสันที่ตกผลึกจากประสบการณ์ในตลาดเครื่องพิมพ์ตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งในวันนี้ เอปสันได้เห็นทิศทางการเติบโตของตลาดเครื่องพิมพ์หมึกยูวี (UV) ซึ่งเป็นการพิมพ์ระบบดิจิทัลที่พิมพ์ลงวัสดุโดยตรง จากนั้นตัวเครื่องจะทำให้หมึกแห้งทันทีด้วยแสง UV (Ultra Violet) งานพิมพ์จะสามารถเพิ่มลักษณะนูนหรือเงาได้ตามการออกแบบ มักนำมาพิมพ์โลโก้ลงบนวัสดุที่ไม่ใช่ผ้าหรือกระจก เช่น ถุงฟอยล์ แผ่นหนังเทียม และพลาสติก
ที่ผ่านมา เครื่องพิมพ์ UV ขนาดหน้ากว้างที่เป็นชุดจากแบรนด์นั้นมีราคาแรงหลักล้าน ตลาดเครื่องดัดแปลงราคาถูกจึงเติบโตเพื่อรับความต้องการมหาศาลของตลาด ทั้งการโมดิฟายด์ "เครื่องพิมพ์แบบแท่น" ที่เป็นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทซึ่งพ่นสีบนพื้นผิว ซึ่งออกแบบ “อะแดปเตอร์” ให้สามารถพิมพ์บนวัสดุที่หลากหลาย เช่น กระบอกหรือแก้วน้ำ รวมถึงเพิ่มหมึกที่แตกต่างกัน เช่น หมึกสิ่งทอ หมึกที่รับประทานได้ และหมึก UV ที่จะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแสง UV LED จากหลอดไปที่ติดเพิ่มมาในเครื่อง
เครื่องพิมพ์ UV นั้นได้รับการพัฒนาจากเครื่องพิมพ์อีโค-โซลเวนท์ (Eco-solvent) ซึ่งครองตลาดงานพิมพ์ป้ายผ้า ไวนิล ซองซิป วัสดุเทียมผ้า รวมถึงสติกเกอร์ ความต่างคือเครื่องพิมพ์ UV สามารถพิมพ์และทำให้แห้งได้เร็วและสามารถพิมพ์ซ้ำแบบนูนได้ แต่เครื่องพิมพ์ Eco-solvent ที่มีต้นทุนค่าหมึกต่ำกว่าแต่แห้งช้ากว่านั้นไม่สามารถทำได้ โดยยรรยงพบว่าเครื่องพิมพ์ UV กำลังได้รับความนิยมต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตั้งแต่ปี 2019 เพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปรับแต่งสิ่งของส่วนตัว และเครื่องพิมพ์ยูวีสามารถพิมพ์ได้แทบทุกวัสดุ ทั้งการพิมพ์ประตู โต๊ะ เก้าอี้ ลูกกอล์ฟ และอีกมากมาย
สถิติล่าสุดพบว่าเครื่องพิมพ์ UV ครองพื้นที่สัดส่วนใหญ่อันดับ 2 ในกลุ่มเครื่องพิมพ์ป้ายหรือไซเนจ (Signage) ได้สำเร็จในช่วงไตรมาสแรกปี 2024 โดยขยับจาก 18% ในปี 2019 เพิ่มมาเป็น 32% ในปี 2024 เป็นรองเพียงเครื่องพิมพ์หมึก Eco-solvent ที่ยังครองตลาดเหนียวแน่นด้วยสัดส่วนเกิน 40%
สำหรับเอปสัน เครื่องพิมพ์ UV ที่แบรนด์เคยเปิดตลาดไว้นั้นเป็นรุ่นหน้ากว้าง โดยเป็นส่วนหนึ่งของสินค้ากลุ่มพิมพ์ป้ายโฆษณาหน้ากว้างที่เป็น 1 ใน 5 เซกเมนต์ภายใต้ธุรกิจเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมที่เอปสันแบ่งเส้นไว้ ซึ่งอีก 4 กลุ่มที่เหลือได้แก่ กลุ่มเครื่องพิมพ์ภาพ กลุ่มเครื่องพิมพ์ฉลากและขวดน้ำ กลุ่มเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง ที่มักใช้ในการบริษัทออกแบบและยังเน้นพิมพ์บนกระดาษ และกลุ่มพิมพ์ผ้าที่มักปักหลักใช้งานในโรงงานขนาดใหญ่
เพื่อสู้กับเครื่องพิมพ์ราคาถูกที่ดัดแปลงให้สามารถพิมพ์ UV ได้ เอปสันตัดสินใจออกรุ่นใหม่ที่การันตีคุณภาพการพิมพ์และความง่ายในการจัดการเครื่องพิมพ์ที่เหนือกว่ารุ่นดัดแปลง โดยเครื่องพิมพ์ UV รุ่นล่าสุดที่เอปสันพัฒนามาเพื่อหมึก UV และมีการติดหลอด UV มาให้จากโรงงานนั้นถูกลดขนาดให้เหลือไซส์ A4 ที่ตั้งโต๊ะได้เรียบร้อย พร้อมกับหั่นราคาลงเหลือ 290,000 บาท ให้โดนใจคนที่อยากลงทุนซื้อ “เครื่องพิมพ์สิ่งของ” มากขึ้น
***ศึกนี้มาพร้อมโอกาส
ยรรยงเชื่อว่าการเปิดตัว Epson SureColor SC-V1030 ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ UV ตัวใหม่ในรูปเครื่องตั้งโต๊ะรุ่นกะทัดรัดนั้นจะสามารถรองรับผู้ใช้ที่ต้องการพิมพ์ชิ้นงานขนาดเล็กที่เฉพาะเจาะจงของตัวเอง เชื่อว่าตลาดเครื่องพิมพ์ UV จะเติบโตได้อีกเพราะสามารถสร้างความแตกต่างให้งาน ทำให้ธุรกิจแข่งขันได้ดีขึ้น สามารถสร้างงานดีไซน์ที่โดดเด่นได้
เอปสันบอกว่าวางเป้าหมายกลุ่มแรกไว้ที่ร้านค้า โดยเฉพาะร้านที่ให้บริการงานพิมพ์อยู่แล้ว และอาจต้องการทำธุรกิจของที่ระลึกเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมา การสั่งทำมักต้องการจำนวนการพิมพ์ในปริมาณมาก ขณะที่ในอีกด้าน ประเทศไทยยังมีศักยภาพจากการมีสตาร์ทอัปจำนวนมาก ที่ต้องการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ ด้วยการออกแบบสินค้าที่มีลวดลายไม่แมส และไม่จำเป็นต้องสั่งทำเป็นล็อตใหญ่อีกต่อไป
ยรรยงมั่นใจว่าอิมแพกต์จากการเปิดตัวเครื่องพิมพ์ UV รุ่นนี้คือตลาดการพิมพ์ออนดีมานด์จะขยายตัว ศิลปินจะสามารถสร้างผลงานได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่ต้องลงทุนหน้าร้าน และไม่ยุ่งยาก เครื่องพิมพ์ UV ขนาดเล็กนี้สามารถวางชิดผนังได้ ไม่เหมือนกับเครื่องหน้ากว้างหรือเครื่องดัดแปลงที่ต้องมีพื้นที่เฉพาะ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากในการดูแลด้านหลังเครื่อง ทุกอย่างสามารถจัดการด้านหน้า ขอเพียงแค่เข้าใจเท็มแพลตการพิมพ์วัสดุที่ต้องการพิมพ์เท่านั้น
เครื่องพิมพ์ UV แบบสำเร็จรูปจากแบรนด์จะแก้ปัญหาของเครื่องพิมพ์ UV ดัดแปลง ที่จำเป็นต้องดูแลใกล้ชิด เนื่องจากหมึกที่เป็นของแข็งจะแห้งทันที แต่ในเครื่องของแบรนด์จะมีการติดระบบเช็ดหมึกอัตโนมัติ ทำความสะอาด และเขย่าเพื่อดูแลเครื่องจากภายใน รวมถึงระบบดูดกลิ่น ทำให้ผู้ใช้พิมพ์ได้สะดวกแม้จะมีพื้นที่จำกัด
“โดยเฉพาะหมึกขาวที่มีปัญหาที่สุด เพราะเป็นสีที่หนาแน่นที่สุด เครื่องของเอปสันจะมีระบบหมุนเวียนหมึกตลอดเวลา ทำให้ดูแลรักษาง่ายขึ้น”
ในส่วน Epson SureColor SC-V1030 ยักษ์ใหญ่แบรนด์ญี่ปุ่นไม่ได้คิดให้ครบเฉพาะฮาร์ดแวร์ หรือการรักษ์โลกที่ออกแบบให้หมึก UV ของเอปสันสามารถลดการทิ้งมากกว่า 64% เท่านั้น แต่เอปสันยังโฟกัสเรื่องซอฟต์แวร์ด้วยการอำนวยความสะดวกเรื่องการจัดการผ่านแอปพลิเคชัน โดยสามารถแจ้งเตือนปัญหา และสรุปข้อมูลการใช้งานเพื่อให้ร้านหรือศิลปินวางแผนต้นทุนการทำธุรกิจ ขณะเดียวกันก็มีการเก็บพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล สำหรับการจัดการวัตถุดิบแบบครบวงจร ทั้งหมดสนนราคา 290,000 บาท
***คืนทุนที่ 1,000 ชิ้น
เอปสันเชื่อว่าราคานี้เป็นราคาที่เหมาะสม เพราะ Epson SureColor SC-V1030 เป็นเครื่องพิมพ์ที่สามารถสร้างรายได้ หรือใช้ทำธุรกิจเพื่อจำหน่าย โดยระยะเวลาการพิมพ์ใช้เวลา 3-4 นาทีต่อชิ้น สามารถสั่งพิมพ์ลวดลายที่ต้องการเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าทั่วไปได้ ซึ่งหากคำนวณว่าสินค้านั้นมีกำไรเกิน 300 บาท จุดคืนทุนของการพิมพ์จะอยู่ที่ 1,000 ชิ้นเท่านั้น นอกจากเครื่องพิมพ์หมึก UV ขนาด A4 เอปสันมีแผนเปิดตัวขนาด A3 ภายในปลายปีนี้เพื่อรับช่วงเทศกาลปีใหม่ เชื่อว่าจะอาจช่วยสนับสนุน SME ที่สามารถเริ่มลงทุนทำธุรกิจได้เลยเมื่อมีเครื่องพิมพ์หมึก UV และคอมพิวเตอร์ รวมถึงวัสดุ และสินค้าเป้าหมายที่ต้องการพิมพ์
“เรามอบ 3 ปีการันตี ต่างจากหมึกดัดแปลงที่อาจทำงานไม่ได้คุณภาพและไม่มีบริการหลังการขายที่ครอบคลุม นี่ไม่ใช่การเอาอิงค์เจ็ทเข้ามาเพิ่มหมึกพิเศษและเพิ่มแสง แต่เครื่องนี้ออกแบบเพื่อหมึกนี้โดยเฉพาะ ทำให้เครื่องพิมพ์ของเอปสันเสถียร มีคุณภาพ และปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม”
สำหรับ Epson SureColor SC-V1030 เอปสันจะทยอยเปิดตัวทั่วอาเซียน และวางขายครั้งแรกพร้อมกันในหลายตลาดช่วงต้นธันวาคม 2024