xs
xsm
sm
md
lg

‘vivo’ แบรนด์นี้มาไกล ทุ่ม 10 ปี พัฒนากล้องมือถือจนขึ้นแถวหน้า (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ย้อนดูพัฒนาการของแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตมาพร้อมการถ่ายภาพอย่าง ‘วีโว่ (vivo)’ จากจุดเริ่มต้นในประเทศจีนปี 2009 จนปัจจุบันก้าวขึ้นมาอยู่ในกลุ่มผู้นำเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพบนมือถือ ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานทั้งในไทย และต่างประเทศ รวมถึงยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ช่วงเวลาสำคัญของ vivo ในการทำตลาดสมาร์ทโฟนคือในปี 2014 ที่เริ่มขยายตลาดออกมาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นปีเดียวกับที่ vivo ตัดสินใจลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน ที่เน้นนำเสนอความง่ายในการใช้งาน เพื่อให้ผู้บริโภคทุกคนเข้าถึงได้


อวี๋ เหมิ่ง รองประธานฝ่ายการถ่ายภาพ vivo กล่าวว่า ในปี 2024 นี้ นับเป็นช่วงเวลา 1 ทศวรรษ นับตั้งแต่วีโว่มุ่งมั่นในการพัฒนากล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันวีโว่ทำตลาดอยู่ใน 60 ประเทศทั่วโลก และมีผู้ใช้งานมากกว่า 500 ล้านคน

ขณะเดียวกัน ผลการสำรวจจาก Canalys แสดงให้เห็นส่วนแบ่งการตลาดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ในอาเซียนมีการเติบโต 14% กลับมาครองอันดับ 4 ด้วยยอดขายกว่า 3.4 ล้านเครื่อง ขณะที่ในประเทศจีน เมื่อรวม vivo กับแบรนด์ลูกที่เน้นเจาะตลาดมือถือเกมอย่าง iQOO ในช่วงครึ่งปีแรกมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 17.9% และคาดว่าจะสามารถรักษาอันดับผู้นำต่อเนื่องในไตรมาส 3

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ช่วงที่ผ่านมี วีโว่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี จนถึงกลางปีที่่ผ่านมา จากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอย่าง vivo X100 ซีรีส์ และ vivo v40 ซีรีส์ ที่เพิ่งวางจำหน่ายในประเทศไทย ชูความโดดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพบุคคลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ในปี 2025 จะได้เห็นแว่นตาอัจฉริยะจาก vivo
หลี จั๋ว ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์การถ่ายภาพ vivo ให้ข้อมูลเสริมว่า แนวคิดของวีโว่ในการพัฒนากล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนเกิดจากต้องการยกระดับการถ่ายภาพให้แก่ผู้ใช้ทุกคน ซึ่งไม่ใช่แค่การพัฒนาเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงความเข้าใจผู้ใช้ ทำให้ที่ผ่านมามีการจ้างวิศวกรเฉพาะทางมากกว่า 700 คน มุ่งมั่นศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ


“3 สิ่งสำคัญที่วีโว่ยึดถือตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คือการรับฟังเสียงจากการใช้งานของผู้บริโภค ตามด้วยเข้าใจถึงพฤติกรรม และเคารพในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน อย่างในภูมิภาคอาเซียนผู้คนต้องการถ่ายภาพบุคคลที่ตัวแบบสว่างโดดเด่นออกมา ก็นำไปพัฒนาเป็นไฟแฟลชวงแหวนอย่าง Aura Light และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งาน”

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในเรื่องการถ่ายภาพของวีโว่ คือตอนที่เริ่มทำงานร่วมกับผู้ผลิตเลนส์ระดับโลกอย่าง ZEISS ในปี 2020 ที่ร่วมกันนำเทคโนโลยีในการผลิตเลนส์เข้ามาผสมผสานกับการประมวลผลภาพในสมาร์ทโฟนออกมาเป็นเอฟเฟกต์การถ่ายภาพต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากเลนส์ของ ZEISS ไปจนถึงการเคลือบสารกันแสงสะท้อนที่หน้าเลนส์ถ่ายภาพ


นอกจากนี้ vivo ยังประกาศทำงานร่วมกับ ZEISS เพิ่มเติม ในการพัฒนาแว่นเอ็มอาร์ (Mix Reality) ที่คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปี 2025 และเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดอุปกรณ์แว่นที่จะเปลี่ยนรูปแบบการเข้าถึงโลกดิจิทัลหลังจากนี้ ด้วยการนำความเชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนากล้องถ่ายภาพมาเป็นจุดขายหลัก


จนมาล่าสุดในการเปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟลกชิปด้านการถ่ายภาพของวีโว่ ใน vivo X200 Pro มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ในการถ่ายภาพที่ครอบคลุมระยะที่หลากหลาย ทำให้การถ่ายภาพสนุกขึ้น ไม่ใช่แค่ในเลนส์ระยะปกติ แต่ยังครอบคลุมถึงเลนส์ซูมที่เพิ่มการถ่ายแบบมาโครมาให้ใช้งาน

ในการพัฒนาของ X200 Pro เลือกใช้เลนส์หลัก ร่วมกับเซ็นเซอร์รุ่นล่าสุดจาก Sony LYT-818 ขนาด 1/1.28” ซึ่งเป็นการผลิตเซ็นเซอร์บนสถาปัตยกรรม 22 นาโนเมตร ทำให้นอกจากคุณภาพของเซ็นเซอร์แล้ว ยังมาช่วยในเรื่องของการประมวลผลภาพที่ใช้พลังงานน้อยลง โดยเฉพาะเวลาที่ถ่ายวิดีโอต่อเนื่อง

ขณะที่เลนส์ซูม X200 Pro เลือกใช้เลนส์แบบ Periscope Telephoto ที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS ภายใต้เทคโนโลยี APO ทำให้ได้ระยะการถ่ายภาพเทียบเท่าเลนส์ 85 มม.-135 มม. ซึ่งเป็นระยะเลนส์ที่เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคล ช่วยให้สามารถดึงตัวแบบ และฉากหลังให้โดดเด่นขึ้น

ไปจนถึงการใช้เลนส์เทเลโฟโต้ในการถ่ายภาพมาโคร ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ในการถ่ายภาพ ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้ระยะของวัตถุมากเกินไป จนบางทีเกิดเงาของสมาร์ทโฟนไปบดบังบางส่วนของวัตถุ ซึ่งระยะโฟกัสที่ 15 ซม. จะเข้ามาทำให้การถ่ายมาโครได้มุมมองที่แปลกตา และใช้ประโยชน์ในการถ่ายภาพได้มากขึ้น

ในปี 2025 จะได้เห็นแว่นตาอัจฉริยะจาก vivo
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องกล้องเท่านั้น ที่ vivo ทุ่มพัฒนาแต่ยังต่อยอดไปถึงแพลตฟอร์ม Blue Tech ที่นำมาใช้ในการถ่ายทอดการพัฒนาเทคโนโลยีของ vivo ร่วมกับพาร์ตเนอร์ ไม่ว่าจะเป็น BlueImage ที่พัฒนาเซ็นเซอร์กล้องร่วมกับทางโซนี่ BlueChip ในการพัฒนาชิปประมวลผลร่วมกับทาง Arm และ MediaTek ออกมาเป็น Dimensity 9400 ที่นำมาใช้งานใน X200 ซีรีส์ โดดเด่นทั้งเรื่องการประมวลผล ประหยัดพลังงาน และรองรับการทำงานของ AI

ตามด้วย BlueOS 2 ที่มีการพัฒนา OriginOS 5 ขึ้นมาให้ใช้งานกับรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศจีน ให้การใช้งานที่ลื่นไหลมากขึ้น มี BlueLM ที่เรียนรู้โมเดล AI ทั้งภาษา เสียง ภาพ ที่ประมวลผลภายในตัวเครื่อง ช่วยให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น ปิดท้ายที่ BlueVolt ในการพัฒนาแบตเตอรี่ให้มีความจุมากขึ้นในขนาดเท่าเดิม รวมถึงรองรับการใช้งานในทุกสภาพแวดล้อม

ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของ vivo ที่นำเสนอออกมาในงานเปิดตัวสมาร์ทโฟน X200 ซีรีส์ ในประเทศจีน ซึ่งมีแผนที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยช่วงปลายเดือนธันวาคม หรือช่วงเดือนมกราคม ปี 2025 และเชื่อว่าจะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นเรื่องการถ่ายภาพรุ่นหนึ่งในไทยก็ว่าได้


กำลังโหลดความคิดเห็น