วีโว่ (vivo) เปิดตัวสมาร์ทโฟนในกลุ่มแฟลกชิป vivo X200 ซีรีส์ ทำงานร่วมกับ ZEISS ในการนำเลนส์ซูม Periscope Telephoto ความละเอียด 200 ล้านพิกเซลมาใช้งาน ในรุ่น X200 Pro ส่วน X200 และ X200 Pro mini มากับเลนส์ซูม 50 ล้านพิกเซล ทุกรุ่นทำงานบนชิป MediaTek Dimensity 9400 คาดวางจำหน่ายในไทยช่วงปลายปีนี้
สำหรับการอัปเดตหลักๆ ในครั้งนี้ของ vivo X200 ซีรีส์ คือการขยับมาตรฐานของแฟลกชิปสมาร์ทโฟนให้รองรับการถ่ายภาพความละเอียดสูงในกลุ่มแฟลกชิป ทั้งเลนส์หลัก และเลนส์ซูม เพื่อให้สามารถเก็บภาพได้ทุกระยะ
โดยปีนี้ประกอบด้วย 3 รุ่นย่อยเริ่มต้นที่ X200 Pro ขนาดหน้าจอขอบโค้ง 6.78 นิ้ว และ X200 Pro mini หน้าจอแบน 6.3 นิ้ว ขณะที่ X200 มากับจอโค้ง 6.6.7 นิ้ว เน้นความสามารถรอบด้านในการใช้งานแทน
ทั้งนี้ เซ็นเซอร์หลักที่ใช้งานใน X200 Pro จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง vivo และโซนี่ ในการพัฒนา Sony LYT-818 ซึ่งทำงานร่วมกับชิปประมวลผล V3+ ของทาง vivo ที่ทำมาช่วยให้การประมวลผลเลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่ vivo ร่วมพัฒนากับ ZEISS ออกมาได้คมชัด ทั้งในสภาพแสงปกติ ย้อนแสง และแสงน้อย
โดยรุ่น X200 Pro จะมีความพิเศษเพิ่มเข้ามาจากเลนส์ซูม Periscope Telephoto 200 ล้านพิกเซล ที่ใช้เทคโนโลยี ZEISS APO ช่วยให้เก็บภาพได้ถึงระยะ 3.7x (85 มม.) รองรับการถ่ายภาพมาโครจากเลนส์ซูม เพื่อให้ได้มุมมองมาโครที่เปลี่ยนแปลงไป
ส่วนในรุ่น X200 และ X200 Pro mini จะใช้เลนส์ ZEISS ปกติ ซึ่งทั้ง 3 รุ่นมากับเลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX921) ตามด้วยเลนส์ Periscope Telephoto 50 ล้านพิกเซล และเลนส์มุมกว้าง ทำให้ vivo X200 ซีรีส์ รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 120fps ด้วย
ชิปประมวลผลที่เลือกใช้ในทั้ง 3 รุ่น คือ MediaTek Dimensity 9400 ที่ vivo เข้าไปร่วมพัฒนาด้วยภายใต้แพลตฟอร์ม BlueChip แบตเตอรี มีตั้งแต่ 6,000 mAh ในรุ่น Pro รองรับการชาร์จเร็ว 90W และชาร์จไร้สาย 30W 5,800 mAh ในรุ่น X200 และ 5,700 mAh ในรุ่น mini
เบื้องต้น vivo คาดว่าจะนำ vivo X200 และ X200 Pro เข้ามาทำตลาดในไทยช่วงปลายปีนี้ โดย X200 Pro และ X200 มีให้เลือก 4 สี คือ น้ำเงิน ดำ ขาว และไทเทเนียม ส่วน X200 Pro mini มีให้เลือก เขียว ชมพู ดำ และขาว ยังไม่มีแผนทำตลาดนอกประเทศจีนในเวลานี้