xs
xsm
sm
md
lg

เห็นหน้าแล้วดูดข้อมูลได้! นักศึกษาฮาร์วาร์ดสาธิตด้านมืดแว่น Meta

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



2 นักศึกษาฮาร์วาร์ดสาธิตด้านมืดของการใช้งานแว่นตาอัจฉริยะที่มองเหมือนแว่นตาทั่วไป โดยหยิบเอา "เรย์แบน เมต้า" (Ray-Ban Meta) มาเป็นตัวสาธิตให้เห็นความสามารถสร้างระบบที่ดูดข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อมองผ่านแว่นแบบเรียลไทม์ได้ทันที เผยระบบนี้มีเทคโนโลยีเบื้องหลังพร้อมทำการแล้วในปัจจุบัน ทำให้มีโอกาสที่บุคคลทั่วไปจะถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัวได้แบบไม่ต้องรอกันนานข้ามปี

Ray-Ban Meta นั้นเป็นภาคต่อของแว่นที่ "เมต้า" (Meta) ต้นสังกัดเฟซบุ๊ก (Facebook) ร่วมมือกับแบรนด์ดังอย่างเรย์แบน (Ray-Ban) ทำตลาดในชื่อ Ray-Ban Stories ตั้งแต่ปี 2021 จนล่าสุดได้เปลี่ยนชื่อเป็น Ray-Ban Meta และวางจำหน่ายตั้งแต่ตุลาคม 2023 ความน่าสนใจคือ Ray-Ban Meta สามารถทำยอดขายแซงหน้ายอดขาย 2 ปีของ Ray-Ban Stories รุ่นก่อนหน้าได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน อาจจะเนื่องจากจุดขายเรื่องการเป็นแว่นตาอัจฉริยะเทคโนโลยี AI ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดสดไปยัง Facebook และอินสตาแกรม (Instagram) ได้โดยตรง ขณะที่คุณสมบัติ AI ของแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta นั้นถูกสั่งแบนในยุโรป และปัจจุบัน ฟังก์ชัน AI ใน Ray-Ban Meta ก็ถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยกำลังรอการอนุมัติภายใต้กฎหมายปัญญาประดิษฐ์ฉบับใหม่ในยุโรป

แฟ้มภาพบรรยากาศการเปิดตัวเมื่อตุลาคม 2023 ล่าสุด Ray-Ban Meta สามารถทำยอดขายแซงหน้ายอดขาย 2 ปีของ Ray-Ban Stories รุ่นก่อนหน้าได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
จนเมื่อเดือนกันยายน 2024 แว่น Ray-Ban Meta Wayfarer รุ่นใหม่ล่าสุดกลายเป็นหนึ่งในกองทัพอุปกรณ์ที่ Meta ได้เปิดตัวครั้งใหญ่ ซึ่งในงานนี้ Meta ได้เปิดตัวแว่นตา AR ตัวแรกของบริษัทที่ชื่อว่า "โอไรออน" (Orion) พร้อมด้วยแว่นตระกูลวีอาร์เควสต์ VR Quest 3S อีกจำนวนหนึ่ง



สำหรับกรณีของ 2 นักศึกษาฮาร์วาร์ด "อันฟู เหงียน" (AnhPhu Nguyen) และ "เคน อาร์ดาอิฟิโอ" (Caine Ardayfio) ได้เลือกทดลองใช้งาน Ray-Ban Meta ทั้งคู่ทำโปรเจกต์นี้โดยสร้างระบบที่เรียกว่า I-XRAY มีการผสมผสานเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว เพื่อกระตุ้นให้โลกได้รับรู้ถึงความน่ากังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ในวันที่แว่น AR ที่มองเหมือนแว่นตาทั่วไปเริ่มวางจำหน่าย



โปรเจกต์นี้ทำให้ Meta ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าสอบตกในหลายด้าน โดยเฉพาะการตัดสินใจเกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพราะการเลือกที่จะทำให้แว่นตาสามารถแยกแยะจากแว่นทั่วไปได้ยากนั้น ถือเป็นการให้ความสำคัญกับสไตล์ มากกว่าความถูกต้องโปร่งใส ขณะเดียวกัน ปัญหาที่เสี่ยงเกิดขึ้นก็บ่งชี้ว่า Meta ยังทดสอบไม่รอบด้านเพียงพอ

***เห็นหน้าไม่แค่รู้ใจ แต่ได้ข้อมูลไปเลย


ไม่ใช่แค่เห็นหน้าแล้วรู้ใจ แต่ผู้สวม Ray-Ban Meta จะสามารถรู้ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร. รายชื่อคนรู้จัก รวมถึงข้อมูลอื่นของคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันได้แบบเรียลไทม์ โดย 2 นักศึกษาฮาร์วาร์ดได้ปล่อยวิดีโอสาธิตการใช้งานระบบที่ชื่อว่า I-XRAY โดยใช้แว่นตาอัจฉริยะมองไปยังผู้คนแล้วทำการ doxing หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของคนนั้นแบบไม่ต้องได้รับความยินยอมใดๆ

งานวิจัยชี้ว่าในทางเทคนิค นักพัฒนาสามารถสร้างระบบที่ดูดข้อมูลส่วนตัวของผู้คนได้แบบเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่นระบบ I-XRAY ที่ได้ทดลองพัฒนาขึ้นจากการรวมเทคโนโลยีที่เชื่อมให้แว่น Ray-Ban Meta ไลฟ์สดบน Instagram จากนั้นได้ใช้ระบบที่ชื่อ PimEyes เพื่อตรวจจับใบหน้าที่ผู้สวมแว่นกำลังมอง จากนั้นจะมีการจับคู่ข้อมูลใบหน้ากับฐานข้อมูลสาธารณะ เพื่อส่งข้อมูลส่วนตัวของบุคคลนั้นกลับมาบนสมาร์ทโฟน

ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยไว้ Ray-Ban Meta รุ่นปี 2023 นั้นทำให้ผู้ใช้สะดวกสะบายจากการที่ไม่ต้องถือโทรศัพท์มือถือไปมา แว่นตาอัจฉริยะนี้มีลำโพงและไมค์ในตัวสำหรับการฟังและพูดคุย โดยปรับปรุงในเรื่องของคุณภาพความคมชัด และการใช้งานที่ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ Meta มั่นใจว่าฟังก์ชันต่างๆ ไม่มีใครเคยเห็นในแว่นตาอัจฉริยะยี่ห้ออื่นในเวลานั้น



แว่นอัจฉริยะนี้เด่นเรื่องความสะดวกในการไลฟ์สดบน Facebook และ Instagram ผู้ไลฟ์สามารถเห็นตัวอย่างคอมเมนต์ และสามารถมีส่วนร่วมกับผู้เข้าชมได้ง่าย ตัวแว่นมีกล้องอัลตราไวด์ 12 ล้านเมกะพิกเซลที่ทรงพลัง สามารถบันทึกวีดีโอ 1080P สูงสุด 60 วินาที ที่สำคัญคือมีแชตบอต AI ที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับใช้งานระหว่างเดินทางโดยที่ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ราคาเริ่มต้นที่ 299.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 10,900 บาทเท่านั้น

เมื่อ Ray-Ban Meta รุ่นปี 2023 สามารถดึงข้อมูลคนแปลกหน้าได้ Ray-Ban Meta Wayfarer รุ่นปี 2024 ก็น่าจะทำได้เช่นกัน แถมในแว่นรุ่นใหม่ Meta ยังการันตีว่าผู้ช่วย Meta AI จะฉลาดขึ้นและทำงานเร็วขึ้นไม่ต้องเรียก “Hey Meta” ในทุกคำถาม และตัวแว่นตาสามารถช่วยจดจำสิ่งต่างๆ ได้เหมือนผู้ช่วย เช่น จดจำตำแหน่งที่จอดรถ ราคาเริ่มต้นที่ 300 ดอลลาร์ หรือราว 9,700 บาท



แน่นอนว่าไม่เพียงแว่นตระกูล Ray-Ban Meta แต่แว่นอัจฉริยะของทุกค่ายล้วนเข้าข่ายมีช่องโหว่ ดึงข้อมูลคนแปลกหน้าได้ไม่ต่างกัน

***ทุกอย่างถูกกฎหมาย

ในขณะที่การดูดข้อมูลส่วนตัวที่เกิดขึ้นอาจจะแสดงว่า Meta ยังขาดการป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด แต่โฆษกของ Meta ยังคงอ้างอิงเงื่อนไขการบริการ ซึ่งทำให้แว่นตาอัจฉริยะของ Meta เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายปัจจุบัน

สำหรับโครงการวิจัยนี้ 2 นักศึกษายืนยันในงานวิจัยว่าจุดประสงค์ของการสาธิตนี้ไม่ใช่เพื่อส่งเสริมการใช้งานในทางที่ผิด แต่เพื่อสร้างความตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดได้ทันทีในปัจจุบัน โดยได้แนะนำให้ทุกคนปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกไซเบอร์กันอีกทาง

การสาธิตด้านมืดของแว่นตา AR ในครั้งนี้ สะท้อนความจำเป็นในการปรับปรุงกฎหมาย ที่อาจไล่ตามไม่ทันขีดความสามารถทางเทคโนโลยี ดังนั้น บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีอาจจะต้องรู้ตัวและใช้มาตรการป้องกันความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องมีใครมาบอก ซึ่งในกรณีของ Meta นั้น มีเสียงวิจารณ์ว่าบริษัทเน้นออก "สินค้าที่มีสไตล์ และเปิดตลาดอย่างรวดเร็ว" โดยที่ไม่สนใจสิ่งใด

มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Meta ขณะลองสวมแว่น Orion
ในฐานะบริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ การตัดสินใจของ Meta มีอิทธิพลต่อมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทอื่นๆ อาจทำตาม จนทำให้ความป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้รับผลกระทบไปทั่วโลก

สำหรับวิธีแก้ปัญหา มีความเป็นไปได้ว่า Meta อาจเปิดตัวระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้กับบุคคลที่อาจถูกถ่ายไลฟ์โดยไม่รู้ตัว รวมถึงอาจมีการพัฒนาระบบแจ้งเตือนการบันทึกบนแว่นที่มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือการหามาตรการป้องกันการบันทึกในพื้นที่อ่อนไหว และอาจมีระบบ "เบลอใบหน้าอัตโนมัติ" สำหรับการถ่ายทอดสดไลฟ์ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม Meta ยังไม่มีทีท่าจะออกมาตรการใด โดยเฉพาะในวันที่โลกตื่นเต้นกับแว่น Orion ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นแว่นเทคโนโลยีภาพเสมือนจริงหรือ AR มากกว่า Ray-Ban Meta เพราะมีจอแสดงผลโฮโลแกรมคู่และการทำแผนที่ 3 มิติที่สามารถวางวัตถุเสมือนจริงเข้ากับโลกแห่งความจริงได้ โดย Meta เน้นพัฒนาให้ Orion มีขนาดกะทัดรัดและบางที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งแม้บริษัทจะย้ำว่า Orion ยังต้องการการปรับแต่ง แต่พนักงาน Meta และบุคคลภายนอกที่ได้รับเลือกก็สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ต้นแบบ Orion เพื่อทดลองใช้แล้ว ดังนั้นจึงแปลได้ว่า Orion ก็อาจจะวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคทั่วไปได้ในอนาคตอันใกล้ ทั้งที่ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวก็ยังไม่ได้รับการชี้แจง เพราะขนาด Ray-Ban Meta ยังมีปัญหา Orion ก็น่าจะมีเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น