ที่ประชุมผู้ถือหุ้น GULF พิจารณาอนุมัติธุรกรรมการควบรวมบริษัทเพื่อการปรับโครงสร้าง หรือการตั้ง NewCo พร้อมเสนอเข้าซื้อหลักทรัพย์ (VTO) ในหุ้นของ ADVANCE และ THCOM คาดดำเนินการจดทะเบียนการควบรวมบริษัทใหม่แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568
สารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอ GULF กล่าวว่า การควบรวมธุรกิจระหว่างกัลฟ์ และอินทัชในครั้งนี้ ถือเป็นการควบรวมในแนวตั้ง (vertical amalgamation) ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยไทย โดยการคำนวณสัดส่วนคำเสนอซื้อหุ้น VTO เกิดขึ้น ณ วันที่ประกาศ ทำให้การปรับสัดส่วนใหม่ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่อยู่ในการเจรจาระหว่าง 2 บริษัท ต้องไปขออนุญาตทางตลาดหลักทรัยพ์ฯ เพื่อทำหนังสือแจ้ง
“การทำคำเสนอซื้อหุ้นไทยคม และเอไอเอส เป็นไปตามกฎของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อดูแลผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบ และคิดว่าไม่มีใครมาขาย เนื่องจากราคาตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป”
สำหรับนโยบายของบริษัทใหม่ที่ตั้งขึ้นหลังจากนี้ จะเป็นบริษัทที่หุ้นมีทั้งการเติบโต และมีปันผล เพราะในธุรกิจไฟฟ้า และพลังงานมีการเติบโตอยู่แล้ว ขณะที่ฝั่งของธุรกิจดิจิทัลอย่างโทรศัพท์มือถือนับเป็นตลาดที่อยู่ตัวแล้ว
ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน กัลฟ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ NewCo ที่ตั้งขึ้นจะยังคงมุ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน โดยเฉพาะเรื่องของพลังงานสะอาดเป็นหลัก โดย 80% ของรายได้ในอนาคตยังมาจากธุรกิจพลังงาน และจะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจดิจิทัลจากการเข้าถือหุ้นในเอไอเอส
โดยในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลจะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของทั้งเอไอเอส และไทยคม รวมถึงธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์ ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต
สารัชถ์ กล่าวต่อว่า การที่มีเอไอเอส และไทยคมเข้ามาจะช่วยซัปพอร์ตในธุรกิจดิจิทัล โดยเฉพาะในการลงทุนขยายดาต้าเซ็นเตอร์ และบริการคลาวด์ ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะขยายดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มอีก 100 เมกะวัตต์ จากแผนลงทุนปัจจุบันที่วางไว้ราว 40 เมกะวัตต์
“ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ที่กัลฟ์จะทำงานร่วมกับเอไอเอส ยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมาก จากความต้องการใช้งานในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล เพราะเป็นธุรกิจที่ขายความเชื่อมั่น และระบบไซเบอร์ซิเคียวริตีที่มีมาตรฐาน ขณะที่ธุรกิจคลาวด์จะได้เห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี 2568”
สำหรับวาระการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ของกัลฟ์ฯ มีขึ้นเพื่อพิจาณาธุรกรรมการควบรวมบริษัทระหว่างกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และ อินทัช โฮลดิ้งส์ และจัดตั้งเป็น ‘บริษัทใหม่’ (NewCo) ซึ่งปัจจุบัน อินทัช นับเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเอไอเอส และกัลฟ์ เอดจ์ ในเครือกัลฟ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยคม
พร้อมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer หรือ VTO) ในหุ้นของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) จำนวน 1,202,712,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 40.44% และไทยคม (THCOM) จำนวน 450,914,734 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 41.14% ผ่านบริษัท กัลฟ์ เอดจ์ (GE) บริษัทย่อยของกัลฟ์ฯ
โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดความซับซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้น และลดความซ้ำซ้อนของการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมสร้างพอร์ตโฟลิโอทางธุรกิจที่มีความสมดุลของรายได้และกำไรที่มาจากทั้งธุรกิจพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิทัล รวมถึงฐานะทางการเงินและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งมากขึ้น
รวมถึงการพิารณาลดทุนจดทะเบียนของกัลฟ์ฯ จาก 11,733,150,000 บาท เป็น 11,733,149,998 บาท โดยตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่ายจำนวน 2 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 1 บาท นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนจดทะเบียน
หลังจากผ่านวาระการอนุมัติแล้ว หลังจากนี้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2567 จะส่งหนังสือชี้แจงมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น (การควบรวมบริษัท) ไปยังเจ้าหนี้ของบริษัท และ INTUCH ก่อนทำธุรกรรม VTO ให้แล้วเสร็จ และคาดว่าจะสามารถดำเนินการจดทะเบียนการควบรวมบริษัท และบริษัทใหม่ภายในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568
ทั้งนี้ ข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นของ NewCo หลังธุรกรรมปรับโครงสร้างตามข้อมูลผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GULF ในสัดส่วน 59.72% และมีสิงเทล (Singtel) ถือหุ้น 9.08% ส่วนที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นอื่น 31.20% โดยมีทุนจดทะเบียน 14,939,837,683 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 14,939,837,683 หุ้น ตามมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ส่วนการจัดสรรหุ้นใน NewCo ตามข้อมูลของที่ปรึกษาการควบรวม ระบุอัตราส่วนที่เหมาะสมไว้อยู่ที่ 1 หุ้นเดิมของ GULF จะมีอัตราส่วนที่ 1.02974 หุ้นใน NewCo และ 1 หุ้นเดิมใน INTUCH มีอัตราส่วนอยู่ที่ 1.69335 (ไม่รวมหุ้นใน INTUCH ที่ถือโดย GULF)