LINE MAN วางงบ 300 ล้านบาท ปรับจุดยืนสู่ ‘ถูกสุดทุกวัน’ ตั้งเป้าไตรมาส 4 เติบโต 25% เพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดฟูดเดลิเวอรี จากการที่มีทั้งร้านอาหาร และพื้นที่ให้บริการครอบคลุมมากที่สุด
ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเกือบๆ 10% แต่ในฝั่งของ LINE MAN คาดว่าจะเติบโตมากกว่าตลาด โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 นี้ ที่ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ราว 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“ปัจจุบัน LINE MAN มีผู้ใช้งานประจำราว 10 ล้านคนต่อเดือน มีไรเดอร์กว่า 1 แสนคน ให้บริการครอบคลุม 77 จังหวัด 328 อำเภอ และยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยมีร้านอาหารในแพลตฟอร์มกว่า 7 แสนร้านอาหาร”
ขณะเดียวกัน จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าคนไทยส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับค่าส่งถูก และราคาอาหารเป็นมิตร ทำให้มีการวางจุดยืนใหม่ของ LINE MAN ที่จะเน้นย้ำการเป็นแพลตฟอร์มที่ ‘ถูกสุดทุกวัน’ ไม่ต้อง Scbscibe เพื่อให้ลูกค้าทุกคนเข้าถึงสิทธิพิเศษได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
“งบประมาณที่วางไว้สำหรับการปรับจุดยืนใหม่ในครั้งนี้อยู่ที่ราว 300 ล้านบาท โดยเป็นทั้งการจัดกิจกรรมสื่อสารการตลาด รวมถึงคูปองส่วนลดต่างๆ ให้ลูกค้า ประกอบกับในช่วงไตรมาส 4 ลูกค้าจะมีการสั่งอาหารเพิ่มขึ้นอยู่แล้วในช่วงปลายปี”
พร้อมกันนี้ LINE MAN ได้เลือกใช้คาแร็กเตอร์อย่าง Moon มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตามกระแสการใช้งานมาสคอตของแบรนด์ เพื่อสร้างการจดจำของผู้บริโภค ผ่านโฆษณาชุดใหม่ พร้อมสื่อโฆษณาออนไลน์ และออฟไลน์
ส่วนในเรื่องการเปลี่ยนมือของโรบินฮู้ด แพลตฟอร์มส่งอาหารของคนไทย ที่ไปอยู่ในกลุ่มยิปอินซอย ผู้บริหาร LINE MAN มองว่า จะเป็นอีกแพลตฟอร์มที่มาช่วยเพิ่มตัวเลือกในตลาด และพร้อมต้อนรับเข้าสู่การแข่งขันในตลาดนี้
พร้อมกันนี้ LINE MAN ไม่ได้มีความกังวลในเรื่องของการทำกำไรจากธุรกิจฟูดเดลิเวอรี เพราะยังมีธุรกิจอื่นที่ยังเติบโตอยู่ อย่างระบบบริหารจัดการร้านอาหาร ธุรกิจเพย์เมนต์ ที่มีโอกาสเติบโตมากขึ้นในทุกๆ ปี
เบื้องต้น ส่วนลดที่ LINE MAN มอบให้ลูกค้า จะมีทั้งส่งฟรี 0 บาท ส่วนลดค่าอาหารหลากหลายรูปแบบ และลดหลายต่อ ที่สามารถใช้ส่วนลดทั้งโปรโมชันราคาอาหารลดสูงสุด 60% คูปองส่วนลดค่าอาหารสูงสุด 100 บาท และส่วนลดค่าส่งสูงสุด 20 บาท เมื่อซื้อครบ 150 บาทขึ้นไป ในระยะ 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตรในพื้นที่ตามที่กำหนด โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมได้จากสัญลักษณ์ ‘ส่งฟรี ร้านคุ้ม’ จำนวนกว่า 130,000 ร้าน หรือค่าส่งฟรี 0 บาท