นักชอปออนไลน์เฮ! กฎหมายใหม่เริ่มบังคับใช้ 3 ต.ค.67 นี้ เปิดกล่องดูสินค้า ก่อนจ่ายเงินปลายทางได้ 'ประเสริฐ' อวดใหญ่ครบ 1 ปี ผลงานพรึ่บพรับ
เมื่อวันที่ 11 ก.ย.67 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ประกาศเรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2567 จะมีผลบังคับใช้ 3 ต.ค.67 เป็นต้นไป เพื่อแก้ไขปัญหาการซื้อขายสินค้าหรือบริการออนไลน์แบบใช้บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ตามที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาภายใต้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีมติเห็นชอบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เดือน ก.ค.67 ที่ผ่านมา
นายประเสริฐ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ให้ผู้ประกอบธุรกิจบริการขนส่งสินค้าต้องระบุรายละเอียดสำคัญของผู้ส่งสินค้าและผู้ประกอบการ รวมถึงชื่อ-นามสกุลของผู้รับเงิน พร้อมกับหมายเลขติดตามพัสดุ โดยข้อบังคับนี้กำหนดให้ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าต้องเก็บเงินค่าสินค้าไว้เป็นระยะเวลา 5 วัน ก่อนจะนำส่งเงินให้ผู้ขาย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีเวลาเพียงพอในการแจ้งขอคืนสินค้าและขอเงินคืนในกรณีที่พบปัญหาจากการสั่งซื้อ นอกจากนี้ กฎหมายยังให้สิทธิผู้บริโภคในการเปิดดูสินค้าก่อนที่จะทำการชำระเงิน หากตรวจสอบแล้วพบว่า สินค้าไม่ตรงตามที่สั่ง หรือมีปัญหาทางด้านคุณภาพ ผู้บริโภคสามารถปฏิเสธการชำระเงินและปฏิเสธการรับสินค้าได้ทันที
ทั้งนี้ สำหรับผลงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เน้น 5 นโยบายหลัก ที่คาดว่าจะเป็นแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาล หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ได้แก่ 1.แก้ปัญหาภัยออนไลน์ กระทรวงดีอีจะสานต่อการแก้ปัญหาภัยออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และอาชญากรรมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 2.ขับเคลื่อน Cloud First Policy นโยบายคลาวด์ภาครัฐจะถูกผลักดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบราชการในยุคดิจิทัล
3.ส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กระทรวงมุ่งเน้นการดูแลและส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ธุรกิจรายย่อยสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน 4.ใช้เศรษฐกิจดิจิทัลสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสและรายได้ให้เศรษฐกิจไทยผ่านการพัฒนาทางเทคโนโลยี และ 5.พัฒนากำลังคนด้านดิจิทัล กระทรวงจะเร่งพัฒนาทักษะดิจิทัลให้บุคลากร เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคนในสาขานี้
นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC 1441) ที่กระทรวงเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.66 สามารถลดมูลค่าความเสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมูลค่าความเสียหายต่อวันลดลงจาก 100 ล้านบาท เหลือเพียง 29-30 ล้านบาท และไม่เกิน 50 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่าตัวเลขคดีลดลงเช่นกัน
ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ยังได้เข้มงวดการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งในอดีตพบโอกาสการรั่วไหลสูงถึง 30-40% แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 1.21-1.5%
