xs
xsm
sm
md
lg

'ทรู' จับมือ 'อินเทล' ปล่อยโซลูชันเด็ด เขย่าวงการแพทย์ไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทรู-อินเทล ผนึกกำลังปฏิวัติวงการแพทย์ไทย ด้วย 5G และ AI เปิดตัวโซลูชันสุดล้ำ พลิกโฉมการดูแลสุขภาพ หวังขึ้นแท่นศูนย์กลางการแพทย์อาเซียน

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.67 นายพิชิต ธันโยดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรูบิสิเนส จับมืออินเทล ปฏิวัติวงการสาธารณสุขไทยสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้วยการใช้เครือข่ายทรู 5G ผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของอินเทล เปิดตัว 7 โซลูชัน Smart Healthcare ครอบคลุมการวินิจฉัย รักษา และการจัดการข้อมูลทางการแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเสริมขีดความสามารถของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายพิชิต กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ได้พัฒนาโซลูชันที่ใช้ AI และซอฟต์แวร์ OpenVino ของอินเทล เช่น โซลูชัน Digital Patient Twin ซึ่งใช้เทคโนโลยี 5G ร่วมกับ Intel Edge AI ช่วยให้แพทย์สามารถดูแลและเฝ้าระวังผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำแบบเรียลไทม์ โซลูชัน Smart Healthcare ที่บันทึกข้อมูลทางการแพทย์ในระบบดิจิทัล เพื่อให้ AI วิเคราะห์เชิงลึก ช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดต้นทุนการรักษา และเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยในทุกพื้นที่เข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยและมีคุณภาพ

"บริษัทได้เริ่มขั้นตอนการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำหรับบางโซลูชันแล้ว ขณะเดียวกัน มีบางส่วนที่ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบและพัฒนาเพิ่มเติม และบางโซลูชันได้เริ่มต้นร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำอย่างโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งได้ใช้เทคโนโลยีในการจัดการข้อมูลทางการแพทย์ เช่น ฟิล์มเอกซเรย์ และซีทีสแกน (CT Scan)

ในทางธุรกิจ การให้บริการในด้านสุขภาพเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดำเนินงาน ซึ่งทางบริษัทได้มุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้บริการโซลูชันที่ครอบคลุมการเชื่อมต่อ 5G คลาวด์ และการให้บริการทางอินเทอร์เน็ตสำหรับองค์กร ซึ่งปัจจุบันเป็นรายได้หลัก" นายพิชิต กล่าว


ด้าน Mr.George Tai, Health and Life Sciences Sales Lead, Intel Asia Pacific กล่าวว่า โซลูชันที่เชื่อมโยงระบบสุขภาพเข้ากับแพลตฟอร์ม AI และเครือข่าย 5G ของทรู เช่น

โซลูชันอัจฉริยะด้านการวินิจฉัยและรักษา

1.โซลูชัน Telemedicine และ Tele ICU ผ่านเครือข่าย 5G ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ ลดการเดินทางไปโรงพยาบาล และเพิ่มการเข้าถึงการรักษาสำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกล 2.แพลตฟอร์ม Future of Large Language Model (LLM) ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยวิเคราะห์อาการเบื้องต้นของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยสามารถกรอกข้อมูลอาการและประวัติการรักษาผ่านระบบ AI ที่ประมวลผลจากฐานข้อมูลทางการแพทย์ล่าสุด ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้รวดเร็วขึ้น ลดขั้นตอนการรอพบแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว

3.แพลตฟอร์ม Pathology as a Service ที่นำเทคโนโลยี AI มาช่วยสแกนและวิเคราะห์ชิ้นเนื้อและเลือด โดยเปลี่ยนภาพพยาธิวิทยาเป็นดิจิทัล ทำให้การวินิจฉัยโรคมะเร็งรวดเร็วกว่าเดิมถึง 2,000 เท่า จาก 2 สัปดาห์เหลือเพียง 5 นาที เพิ่มความแม่นยำและช่วยให้แพทย์ทั่วโลกสามารถร่วมวินิจฉัยแบบเรียลไทม์ แก้ปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 4.Ophthalmology as a Service แพลตฟอร์มนี้เน้นการวิเคราะห์และคัดกรองโรคจักษุวิทยา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมและเบาหวานขึ้นตา โดยใช้กล้องเรตินาขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งสามารถตรวจวิเคราะห์ได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีโดยไม่ต้องใช้ยาหยอดขยายม่านตา ทำให้การตรวจเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

โซลูชันอัจฉริยะด้านการฟื้นฟูดูแล

1.โซลูชัน Digital Patient Twin (PMaaS) ที่ช่วยให้การดูแลผู้ป่วยปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดข้อมูลต่างๆ ของผู้ป่วย เช่น อุณหภูมิ อัตราการเต้นของหัวใจ และตำแหน่งบนเตียง ส่งสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ ช่วยให้ทีมแพทย์สามารถเฝ้าระวังผู้ป่วยได้อย่างใกล้ชิดโดยไม่รบกวนการพักฟื้น และ 2.Residential Care Management แพลตฟอร์มนี้ออกแบบมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุ โดยใช้อุปกรณ์ Edge IoT และเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งบนรถเข็นหรือแท็บเล็ตเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมและสุขภาพของผู้สูงอายุ พร้อมส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย 5G เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถติดตามการดูแลผู้ป่วยได้อย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนเมื่อพบความเสี่ยง


โซลูชันอัจฉริยะด้านการจัดการข้อมูลทางการแพทย์

การจัดการข้อมูลทางการแพทย์ โซลูชัน PACS ช่วยจัดเก็บและประมวลผลภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น ฟิล์มเอกซเรย์และซีทีสแกน โดยใช้ระบบ AI และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มคลาวด์ ทำให้สามารถใช้งานได้จากระยะไกลและเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัย

นอกจากนี้ ตัวอย่างจากการใช้งานจริง เช่น การวิเคราะห์เนื้อเยื่อเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งได้เร็วกว่าเดิมถึง 2,000 เท่า และโซลูชัน Digital Patient Twin ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผู้ป่วยได้สูงขึ้น 30% โดยไม่ต้องรบกวนการพักฟื้น

"การเปิดตัวโซลูชัน AI ครั้งนี้ เน้นไปที่การดูแลผู้ป่วยสูงวัย โดยใช้หุ่นยนต์ AI ในการให้คำแนะนำและติดตามอาการผู้ป่วย ทำให้พยาบาลสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่สำคัญมากขึ้น ช่วยลดภาระงานซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย ด้านความปลอดภัยข้อมูลผู้ป่วย อินเทลใช้เทคโนโลยี Confidential Computing ที่ผนวกเข้ากับทุกแพลตฟอร์ม ช่วยป้องกันข้อมูลผู้ป่วยไม่ให้รั่วไหลหรือถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้การใช้เทคโนโลยีในโรงพยาบาลมีความปลอดภัยสูงขึ้น ทั้งนี้ ยังร่วมมือกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และองค์กรในวงการแพทย์ เพื่อนำ AI มาใช้ในระบบบำรุงรักษาอุปกรณ์ทางคลินิกแบบอัตโนมัติ ทำให้เครื่องมือแพทย์พร้อมใช้งานอยู่เสมอ และช่วยลดปัญหาอุปกรณ์ขัดข้อง ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานในโรงพยาบาลราบรื่นมากขึ้น" Mr.George กล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น