จีเอเบิลโชว์วิสัยทัศน์พาองค์กรไทยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในยุคดิจิทัลแบบไร้รอยต่อด้วยเทคโนโลยี Cloud + AI เผยค่าใช้จ่ายด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลก รวมถึงแอปพลิเคชันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ โครงสร้างพื้นฐาน บริการด้านไอทีและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายในปี 2028 ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 632,000 ล้านดอลลาร์
นายธีระพงษ์ จันทร Senior Cloud Business Development Manager บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) เผยว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ Cloud และ AI ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกนั้นเป็นการบ่งบอกว่าธุรกิจองค์กรชั้นนำแทบทุกแห่งต่างมุ่งนำ AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พัฒนาสินค้าและบริการ ตลอดจนสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหนือชั้น แต่การที่จะนำ AI มาใช้ในระดับองค์กรนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย
“ในปัจจุบัน AI ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคต และมีการคาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลก รวมถึงแอปพลิเคชันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ โครงสร้างพื้นฐาน บริการด้านไอทีและธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายในปี 2028 ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 632,000 ล้านดอลลาร์ ตามการคาดการณ์ใหม่จาก Worldwide AI and Generative AI Spending Guide ของ International Data Corporation (IDC)"
บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) นั้นเป็นบริษัทด้าน "Tech Enabler" ที่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรไทยได้ใช้งานดิจิทัลโซลูชันอย่างราบรื่น ล่าสุดบริษัทได้แนะนำธุรกิจองค์กรทุกภาคอุตสาหกรรมให้เตรียมความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยเทคโนโลยี Cloud เพื่อเสริมระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้พร้อมทุกการเชื่อมต่อเทคโนโลยี AI เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงาน สร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจในหลายมิติ ทั้งความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น และความปลอดภัย พร้อมนำธุรกิจองค์กรเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของภาคธุรกิจ
จีเอเบิล มองว่า Cloud Technology คือ หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ดี และสามารถต่อยอดในการประยุกต์ใช้ AI ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นตัวช่วยสำคัญในการเร่งติดสปีดให้แก่ธุรกิจองค์กรในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยี Cloud ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการต่อยอดและเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการที่ธุรกิจองค์กรใดมีการวางรากฐานทางเทคโนโลยีพื้นฐานในรูปแบบของ Cloud Technology เป็นระบบพื้นฐาน จะช่วยให้สามารถจัดการ บริหาร และจัดเก็บข้อมูลสำคัญที่พร้อมใช้งานได้ดีกว่า สามารถค้นหา วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้รวดเร็วกว่า
นอกจากนี้ ยังจะช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจองค์กรมีความคล่องตัวในการจัดการทรัพยากร และสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ในระยะยาว
"แน่นอนว่าหากธุรกิจองค์กรใดมีความพร้อมในด้าน Cloud Technology ในการดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่พร้อมในเรื่องของ Data ทั้งพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล หรือการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึง Cloud Platform Services ที่จะทำให้ทุกระบบในองค์กรทั้ง Front Office และ Back Office มีความพร้อมในการทำงานร่วมกับ AI ในอนาคตได้อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงการใช้บริการ Managed Services โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และ AI Service ที่พร้อมใช้งานเพื่อให้สะดวกในการต่อยอดการนำ AI Technology มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ยิ่งเป็นแต้มต่อในการได้เปรียบเหนือคู่แข่งในการดำเนินธุรกิจองค์กรนับจากนี้"
จีเอเบิลเชื่อว่าหากธุรกิจองค์กรใดมีการผนึกกำลังของทั้ง 2 เทคโนโลยีทั้ง Cloud Technology และ AI Technology ที่เสริมพลังซึ่งกันและกันเข้าด้วยกัน จะสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะ Cloud Technology จะช่วยให้ AI เข้าถึงทรัพยากรการประมวลผลและข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่ AI จะช่วยเพิ่มความอัจฉริยะและการทำงานอัตโนมัติให้ระบบ Cloud Technology ได้ในหลายๆ ด้าน
1 ใน 3 ตัวอย่างที่จีเอเบิลยกขึ้นมา คือการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพราะการใช้ AI บน Cloud เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าใจและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ต่อยอดสู่การปรับแผนการขายและการตลาดได้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างที่ 2 คือระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ การใช้ AI บน Cloud จะสามารถช่วยตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์ และตัวอย่างที่ 3 คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เนื่องจากการใช้ AI และ Cloud ในการจำลองและทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ นอกจากจะช่วยลดเวลาการทำงาน ยังช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาได้อีกด้วย
"การผนึกกำลังกันของทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้จะช่วยตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีและรวดเร็วกว่าที่เคย ด้วยการทำงานในรูปแบบที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้น โดยไม่จำเป็นจะต้องเสียเวลาเตรียมเรื่องของ Hardware และ Software ทั้งการจัดเก็บข้อมูล การสืบค้นข้อมูล รวมถึงประมวลผลข้อมูลที่มีจำนวนมาก ก็ยิ่งจะช่วยให้องค์กรหรือธุรกิจมีไอเดียใหม่ๆ ในการพัฒนาบริการให้ลูกค้า เช่น บริการ Chatbot ตอบคำถามหรือผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะที่สามารถให้บริการลูกค้าแบบทันท่วงทีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน การช่วยพัฒนาระบบเอกสาร และการช่วยพัฒนาแอปพลิเคชัน (Application Development)"
นอกจากนี้ จีเอเบิลเชื่อว่าในส่วนของระบบ Platform Services หรือ Managed Services ของ Cloud จะมีการพัฒนาระบบอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดเครื่องมือใหม่ที่ช่วยในการพัฒนา AI ให้มีความพร้อมทั้งด้านการบริการ (Services) แพลตฟอร์ม (Platform) และการฝึกอบรมโมเดล AI เป็นต้น
"แต่สิ่งสำคัญที่ธุรกิจองค์กรจะต้องให้ความสำคัญในการประยุกต์การใช้ AI ด้วย Cloud Technology ไม่แพ้กันคือ ความพร้อมในเรื่องระบบความปลอดภัยตั้งแต่การติดตั้งระบบ Cloud ให้มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลตามมาตรการของแต่ละองค์กร การจัดสรรลำดับความสำคัญของข้อมูลต่างๆ และที่สำคัญคือต้องไม่นำ AI ไปวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลควรมีการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) และต้องมีแผนสำรองกรณีเกิดเหตุการณ์ Technical Issue เช่น ระบบเชื่อมต่อ Link หรือ Internet มีปัญหา ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้"
จีเอเบิลย้ำว่า Cloud Technology ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการรองรับเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AI, IoT, VR/AR, 5G ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมโครงข่ายแห่งอนาคต และเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคต เนื่องจาก Cloud Technology เป็นเหมือนพื้นที่เสริมพลังการขับเคลื่อนด้านการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ให้แก่เทคโนโลยีเหล่านี้
"ดังนั้น ธุรกิจองค์กรที่มีความต้องการใช้ AI จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบ Cloud เป็นพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และพร้อมต่อยอดสู่โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจตามที่ได้วางเป้าหมายไว้” จีเอเบิลทิ้งท้าย