จับทิศทางตลาด smart luggage หรือกระเป๋าเดินทางอัจฉริยะที่มีมูลค่าทะลุ 1,200 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง 10% ตั้งแต่ปี 2024 ถึง 2032 คุณสมบัติหลักของกระเป๋าเดินทางอัจฉริยะมีทั้งพอร์ตชาร์จในตัว ระบบติดตาม GPS ระบบล็อกดิจิทัล เซ็นเซอร์น้ำหนัก แจ้งเตือนระยะใกล้ แบตเตอรี่แบบถอดได้ และยังทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันได้
ความเก่งของกระเป๋านั้นมีประโยชน์หลายด้าน ไม่เพียงความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีความปลอดภัยที่ดีขึ้น ลดความเครียดระหว่างเดินทาง และช่วยจัดการการเดินทางให้มีประสิทธิภาพ
สำหรับแนวโน้มตลาดและการพัฒนาในอนาคต มีความเป็นไปได้ว่ากระเป๋าเดินทางใบเก่งจะมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนของโลกมากขึ้น และการเพิ่มการเชื่อมต่อกับระบบแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางที่ฉลาดหรืออัจฉริยะยิ่งขึ้น ในอีกด้าน กระเป๋าเดินทางในอนาคตอาจมีฟีเจอร์ความปลอดภัยแบบไบโอเมตริกซ์ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกกระเป๋าด้วยข้อมูลชีวภาพจากร่างกาย รวมถึงการผสานเทคโนโลยี AI และการเรียนรู้ของเครื่องลงไป ซึ่งจะยกระดับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันและบริการการเดินทางอื่น
***7 ฟีเจอร์ฮิต กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะ
บริษัทวิจัยตลาด UnivDatos ระบุว่าสินค้ากลุ่มกระเป๋าเดินทางอัจฉริยะสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากการเดินทางกลายเป็นดิจิทัลและเชื่อมต่อออนไลน์มากขึ้น การผสานเทคโนโลยีเข้ากับกระเป๋าเดินทางจึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปสู่โซลูชันการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ผลจากการรวม 7 ฟีเจอร์ฮิตที่กลายเป็นคุณสมบัติหลักที่มักพบในกระเป๋าเดินทางอัจฉริยะหลายรุ่น
ฟีเจอร์แรกคือพอร์ตชาร์จในตัว หนึ่งในคุณสมบัติที่กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะมักจะมีคือพอร์ตชาร์จในตัวสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พอร์ตเหล่านี้เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่ภายใน ช่วยให้นักเดินทางสามารถชาร์จสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อปได้ขณะเดินทาง ช่วยแก้ปัญหาที่ผู้เดินทางมักเผชิญ ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์ในจุดแวะพักหรือระหว่างเดินทาง
ฟีเจอร์ที่ 2 คือระบบติดตามด้วย GPS ผู้ใช้กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะจะสามารถระบุตำแหน่งของกระเป๋าได้แบบเรียลไทม์โดยใช้แอปบนสมาร์ทโฟน คุณสมบัตินี้ช่วยลดความกังวลที่เกี่ยวข้องกับการสูญหายหรือวางลืมกระเป๋าไว้ผิดที่ เพิ่มความอุ่นใจได้ตลอดการเดินทาง
ฟีเจอร์ต่อมาคือระบบกุญแจดิจิทัล ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการล็อกกระเป๋าได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ทำให้เจ้าของกระเป๋ากดล็อกและปลดล็อกได้จากระยะไกล เพิ่มความปลอดภัยด้วยการป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต การันตีได้ว่ามีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่สามารถเปิดกระเป๋าได้
ฟีเจอร์ที่ 4 คือเซ็นเซอร์น้ำหนัก ฟีเจอร์นี้จะลดความเสี่ยงเรื่องสัมภาระน้ำหนักเกิน ที่อาจทำให้ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มหรือสร้างความหงุดหงิดในการเดินทาง เซ็นเซอร์น้ำหนักในตัวนี้จะทำให้สามารถวัดน้ำหนักแบบเรียลไทม์ เพิ่มความมั่นใจว่าจะไม่ต้องเสียเวลาจัดกระเป๋าใหม่ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน
ฟีเจอร์ที่ 5 คือระบบแจ้งเตือน Proximity Alert ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากกับนักเดินทางที่มักลืมกระเป๋าไว้ ระบบนี้จะแจ้งเตือนเมื่อสัมภาระเคลื่อนตัวออกไปไกลจากที่ผู้เดินทางตั้งไว้ ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟน ช่วยป้องกันการสูญหายหรือขโมยกระเป๋าโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฟีเจอร์ต่อมาคือแบตเตอรี่แบบถอดได้ ฟีเจอร์นี้เป็นไปตามข้อบังคับของสายการบินเกี่ยวกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะหลายรุ่นจึงมีแบตเตอรี่แบบถอดได้ ซึ่งทำให้ผู้เดินทางสามารถถอดและพกพาแบตเตอรี่แยกกันได้อย่างง่ายดาย
ฟีเจอร์ที่ 7 คือแอปพลิเคชัน กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะมักมาพร้อมกับแอปบนสมาร์ทโฟน ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางให้นักเดินทางสามารถติดตามตำแหน่งของสัมภาระ ตรวจสอบอายุแบตเตอรี่ ควบคุมระบบล็อกดิจิทัล และรับการแจ้งเตือนและการเตือนต่างๆ แน่นอนว่าแอปจะช่วยลดความยุ่งยากในการใช้งานฟีเจอร์อัจฉริยะของกระเป๋า และช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางโดยเพิ่มความสบายใจยิ่งขึ้น
***เติมมอเตอร์ไฟฟ้า ขี่ได้ ไม่เมื่อย
แถมให้อีกฟีเจอร์คือกระเป๋าเดินทางไฟฟ้าที่ติดมอเตอร์เคลื่อนที่ได้ กระเป๋าลักษณะนี้จะมีความเร็วราว 8 กม./ชม. วิ่งได้ไกล 10 กม. ด้วยมอเตอร์ 250W ที่ใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 ชม. เมื่อกดปุ่มเพียงคลิกเดียว กระเป๋าจะกลายเป็นสกู๊ตเตอร์ โดยมีแฮนด์ยืดออกโดยอัตโนมัติอยู่ในสถานะพร้อมขี่ รองรับน้ำหนักได้เกิน 100 กก. โครงสร้างหลักทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยเกรดเดียวกับวัสดุผลิตเครื่องบิน ทนต่อแรงกระแทกและแรงอัดได้ดี
ความยืดหยุ่นของกระเป๋านี้คือสามารถสลับระหว่างโหมดขึ้นเครื่องและโหมดลากได้ง่าย ทั้งหมดนี้ใช้ยางตันคุณภาพสูงทนทานต่อการสึกหรอ ทนต่อการเจาะ และยึดเกาะถนนได้ดีทั้งทางถนนเรียบ ทางลาด หรือเส้นทางขรุขระ เบ็ดเสร็จแล้วน้ำหนักสินค้ากลุ่มนี้อยู่ที่เริ่มต้นราว 10 กก.ต่อใบ
ที่สุดแล้ว กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะกำลังเปลี่ยนโฉมประสบการณ์การเดินทางโดยแก้ไขจุดอ่อนที่เคยเกิดในอดีต เช่น ปัญหาวิ่งหาที่ชาร์จอุปกรณ์ กระเป๋าเดินทางถูกขโมย สูญหาย รวมถึงการเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้การเดินทางไม่ราบรื่น ทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อตอบความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคสำหรับโซลูชันการเดินทางที่สร้างสรรค์ และเทคโนโลยีได้มีส่วนช่วยพัฒนาเพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ครอบคลุมและเป็นส่วนตัวมากขึ้น