อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) ประกาศเปิดตัว AWS Asia Pacific (Malaysia) Region เพิ่มทางเลือกให้นักพัฒนาให้บริการผู้ใช้จากปลายทางศูนย์ข้อมูลในประเทศมาเลเซีย และยังวางแผนที่จะลงุทนมากกว่า 6.2 พันล้านเหรียญ จนถึงปี 2581 โดย AWS Region ใหม่นี้ คาดว่าจะเพิ่ม GDP มาเลเซัยได้มากถึง 1.21 หมื่นล้านเหรียญ และมีการว่าจ้างงานกว่า 3,500 ต่อปี
โดยการเปิดตัวโครงสร้าง Region ของ AWS นับเป็นการสนับสนุนวิสัยทัศน์ New Industrial Master Plan 2030 ของรัฐบาลมาเลเซีย เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า มั่งคั่ง ครอบคลุมและยั่งยืน บวกกับแรงงานที่มีทักษะสูง โดยเฉพาะในกลุ่มงานการก่อสร้าง การดูแลรักษาโครงสร้างพื้นฐาน วิศวกรรม โทรคมนาคม และสายงานอื่นๆ
มาเลเซียมองเห็นศักยภาพที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยเครื่องมือดิจิทัล เทคโนโลยีคลาวด์และ AI โดยบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก AWS Region และจะช่วยผลักดันให้มาเลเซียมีความพร้อมในการแข่งขันบนเวทีโลก
ปราสาท กัลยาณรามัน รองประธานฝ่ายบริการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS กล่าวว่า AWS Region แห่งใหม่ในมาเลเซีย จะช่วยให้องค์กรทั่วเอเชียแปซิฟิกสามารถปลดล็อกศักยภาพด้วยระบบคลาวด์ที่ครอบคลุมและแข็งแกร่งที่สุดในโลก อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าสามารถนำแอปพลิเคชันขั้นสูงไปปรับใช้ด้วยชุดเทคโนโลยี AWS ที่หลากหลาย เช่น AI และ ML
“เศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของมาเลเซียต้องการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปลอดภัย มีความยืดหยุ่น และยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวในวันนี้ AWS รู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการขับเคลื่อนทางดิจิทัลของมาเลเซียและช่วยเร่งพัฒนาให้มาเลเซียเป็นฮับศูนย์กลางระดับภูมิภาคสำหรับ AI”
สำหรับ AWS Asia Pacific (Malaysia) Region แห่งใหม่นี้เป็นอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ซึ่งในขณะนี้ประกอบด้วย Availability Zone จำนวน 108 แห่งใน 34 ภูมิภาคทั่วโลก และมีแผนที่จะเปิดตัว 18 Availability Zones และ 6 AWS Regions เพิ่มเติมในเม็กซิโก นิวซีแลนด์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ไต้หวัน รวมถึงประเทศไทย ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2568 และ AWS European Sovereign Cloud
โครงสร้าง AWS Region ประกอบด้วย Availability Zones 3 แห่งที่ตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่แยกจากกันและแตกต่างกัน โดยมีระยะห่างเพียงพอที่จะลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานที่ต่อเนื่องของลูกค้า แต่ก็ใกล้พอที่จะให้ค่าความหน่วงต่ำสําหรับแอปพลิเคชันที่มีต้องการความเสถียรสูง
โดย Availability Zone แต่ละแห่งจะมีแหล่งพลังงาน การระบายความร้อน และการรักษาความปลอดภัยที่แยกจากกัน และเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายที่มีการเสริมและสำรอง และมีค่าความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ ลูกค้า AWS ที่เน้นความเสถียรและพร้อมใช้งานสูง สามารถออกแบบแอปพลิเคชันให้ทํางานในหลายๆ Availability Zone และในหลาย Region ได้เพื่อให้เกิดความทนทานต่อความเสียหาย (fault tolerance) ที่ดียิ่งขึ้น