True เผยโฉม Mari (มะลิ) ผู้ช่วย AI ที่สามารถโต้ตอบเสียงใช้ดูแลบริการหลังการขายให้แก่ลูกค้าในกลุ่มทรู เตรียมเปิดให้ลูกค้าใช้งานในเดือนพฤษภาคม โดยเป็นหนึ่งในแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัลด้วยการนำ AI มาช่วยเสริมรายได้จากบริการ ซึ่งคาดว่าบริการ AI จะมีสัดส่วนราว 30% ของบริการดิจิทัล
เอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทคโนโลยี AI จะเข้ามาช่วยลดช่องว่างและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ซึ่งหลักการออกแบบ AI คือการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ที่มาจากหลากหลายแหล่ง บนพื้นฐานของจริยธรรมและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
“AI สามารถนำมาสร้างระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์อย่างมีจริยธรรม ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง โดยมีการนำไปใช้จริงแล้วในหลากหลายกรณีศึกษา สะท้อนชัดถึงศักยภาพของทรู ดิจิทัลในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว”
ด้วยการที่ True มุ่งเป็น Data-AI Integrator ที่สามารถบูรณาการเทคโนโลยี AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเข้าสู่ยุค AI First ในการนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ สร้างเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเสริมแกร่งการเติบโตอย่างยั่งยืน
เบื้องต้น ทรูคาดว่า ใน 3 ปีข้างหน้ารายได้จากบริการดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะคิดเป็นสัดส่วน 30% ของบริการดิจิทัล สอดคล้องกับเป้าหมายของการเปลี่ยนวิธีการทำงานประจำให้เป็นในรูปแบบอัตโนมัติ 100% ภายในปี 2570
พร้อมกันนี้ ทรูได้พัฒนาผู้ช่วยบริการลูกค้า AI อัจฉริยะ “Mari” (มะลิ) ที่สามารถให้บริการทั้งในระบบแชต และบริการแบบเสียง ภายใต้เทคโนโลยี True Voice ที่จะทยอยเปิดให้ลูกค้าใช้งานในช่วงเดือนพฤษภาคม
ทั้งนี้ ทรูได้เริ่มนำ มะลิ มาให้บริการลูกค้าบางกลุ่มผ่านระบบเสียงของ Mari และได้ผลตอบรับที่ดี โดยเฉพาะการสื่อสารโต้ตอบกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงและภาษาที่เป็นธรรมชาติเสมือนมนุษย์ และสามารถให้ความช่วยเหลือ เช่น เปรียบเทียบแพกเกจบริการที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้า
