ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป โดยนายราจีฟ บาวา หัวหน้าสายงานด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มโซลูชัน เดินหน้าส่งเสริมองค์กรใช้ดาต้าสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ มุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน จัดงานสัมมนา Analytics Forum 2024 - Power of AI-Driven Data Analytics ทรานส์ฟอร์มธุรกิจ พิชิตใจลูกค้า ด้วยข้อมูลเชิงลึก เพื่อเปิดมุมมองการนำข้อมูล เทคโนโลยี AI และ แพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะ (Intelligent Data Platforms) มาใช้สร้างประโยชน์ให้แก่ธุรกิจ การแบ่งปันประสบการณ์จากองค์กรที่นำข้อมูลมาใช้จริง พร้อมแนะแนวเตรียมความพร้อมทรานส์ฟอร์มสู่องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยมีกลุ่มผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจจากหลากหลายองค์กรในภาคธุรกิจต่างๆ เข้าร่วมรับฟังข้อมูล พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้าและ AI เช่น นายพุฒิ ตั้งตระกูลวงศ์ หัวหน้าส่วนวิศวกร บริษัท Google Cloud นายฟูเกียรติ จุลนวล สถาปนิกด้านโซลูชัน บริษัท Databricks และนายสหชาติ ขำนิล หัวหน้าส่วนพันธมิตรดิจิทัลแพลตฟอร์ม บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เมื่อเร็วๆ นี้
นายราจีฟ บาวา หัวหน้าสายงานด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มโซลูชัน บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรู ดิจิทัลมุ่งมั่นเชื่อมโยงให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ต้องเร่งทรานส์ฟอร์มองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยี ข้อมูล และบุคลากรที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน โดย ทรู ดิจิทัลมีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการวางแผนกลยุทธ์ด้านข้อมูล ตั้งแต่การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ตรงโจทย์ธุรกิจ และการบริหารจัดการข้อมูล โดยใช้ Generative AI ช่วยวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง รวมถึงบริการแพลตฟอร์มข้อมูล (Data Platform as a Service) ที่ช่วยประหยัดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วและรองรับความต้องการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการผสานข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง และใช้ AI เป็นเทคโนโลยีหลักในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลขั้นสูง นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ช่วยให้เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งและช่วยในการตัดสินใจของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ปยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Google Cloud หรือ Databricks เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้องค์กรธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เริ่มต้น Data Analytics ง่ายๆ ด้วย 3 สิ่ง: คลาวด์-เทคโนโลยีประมวลผล-ข้อมูล
นายพุฒิ ตั้งตระกูลวงศ์ หัวหน้าส่วนวิศวกร บริษัท Google Cloud กล่าวว่า ในโลกยุคดิจิทัลมีดาต้าเกิดขึ้นมากมาย การนำดาต้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์จึงเป็นความท้าทายขององค์กรธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและตลาดได้ทันท่วงทีนั้น องค์กรควรพิจารณาและผนวกองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1) คลาวด์ (Cloud) แพลตฟอร์มบริการโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการบริหารจัดการข้อมูล ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการรองรับการจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลได้ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่น สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ โดยที่องค์กรไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือลงทุนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เพิ่ม จึงช่วยลดความกังวลในเรื่องทรัพยากรต่างๆ รวมถึงต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที 2) ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ และเลือกโซลูชันที่ตอบโจทย์ตรงปัญหา อาจเลือกใช้ Machine Learning (ML) หรือ AI หรือ Generative AI ทำงานควบคู่กับนักวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้เกิดระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็ว แม่นยำและถูกต้องมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน องค์กรควรสร้าง awareness ให้ทุกคนเห็นความสําคัญของการใช้ดาต้า ควบคู่กับการ democratize ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ดาต้าและ AI ได้สะดวกสบายเพียงพอในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด และ 3) ข้อมูล หรือ data เป็นส่วนที่สำคัญและจำเป็นที่สุดที่จะต้องมีทั้งความถูกต้องและชัดเจน เพื่อให้ AI นำไปวิเคราะห์และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและแม่นยำมากที่สุด โดยชุดข้อมูลที่นำมาใช้อาจมาจากหลายแหล่ง เพื่อให้มีทั้งในเชิงปริมาณ ซึ่งมีตัวแปรเรื่องเวลา (time series) เข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถใช้ดู pattern ได้ และในเชิงความหลากหลาย ใช้ attribute หรือ feature ของข้อมูลมาวิเคราะห์และช่วยในการตัดสินใจในเชิงธุรกิจได้เช่นกัน
แนะใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อผลลัพธ์ตรงเป้าประสงค์ธุรกิจ
นายฟูเกียรติ จุลนวล สถาปนิกด้านโซลูชัน บริษัท Databricks ผู้ให้บริการด้าน Data & AI Intelligence Platform กับองค์กรกว่า 12,000 แห่งทั่วโลก ได้ให้มุมมองการใช้ข้อมูลเพื่อตอบโจทย์องค์กรธุรกิจอย่างน่าสนใจว่า การดำเนินธุรกิจในแต่ละวันทำให้มีข้อมูลเกิดขึ้นมหาศาล และข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้ตอบคำถามของปัญหาต่างๆ ในการทำธุรกิจ ช่วยในการคาดการณ์และตัดสินใจได้จากข้อมูลจริงที่เชื่อถือได้มากกว่าการคาดเดา โดยกระบวนการของการใช้ข้อมูลมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ข้อมูล คือ องค์กรจะต้องใช้ข้อมูลอะไรบ้างและมีแหล่งข้อมูลมาจากที่ใดบ้าง เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของธุรกิจ ตั้งต้นจากข้อมูลที่มีอยู่ และข้อมูลที่ยัง “ขาด” จากนั้นจึงหาข้อมูลมาเพิ่มเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของธุรกิจ เช่น มีพันธมิตรด้านข้อมูล เช่น Telco Data ทำแคมเปญการตลาด เช่น โฆษณาหรือระบบสมาชิก รวมถึงใช้เทคโนโลยี AI หรือ Machine Learning เข้ามาช่วย ซึ่งการใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งเข้ามาประมวลผลจะช่วยสร้างผลลัพธ์ได้มากขึ้น และทำให้องค์กรขึ้นโปรเจกต์ใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น ถัดมาคือการประมวลผล สามารถดูได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน หรือดูอนาคต ซึ่ง AI และ Generative AI สามารถช่วยจัดการบริหารข้อมูล ทำให้เกิดประโยชน์หรือได้ผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะสมมากขึ้น และสุดท้ายคือ ผลลัพธ์ (Output) ใช้ประโยชน์ในองค์กรได้ในภาพกว้างหรือเฉพาะเจาะจงบางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มต้นกระบวนการใช้ข้อมูล องค์กรควรกำหนดวัตถุประสงค์ของธุรกิจให้ชัดเจนเพื่อให้สามารถประเมินระดับของความสำเร็จของโปรเจกต์ต่างๆ และตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อหรือจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
เปิดสูตรความสำเร็จ ดึงพลังดาต้า พิชิตใจลูกค้าประกันชีวิต AIA
เอไอเอ ประเทศไทย หนึ่งในองค์กรที่มีวิสัยทัศน์และเล็งเห็นความสำคัญของการใช้ข้อมูลเพื่อเปิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ และพิชิตใจลูกค้าประกันชีวิต โดย นายสหชาติ ขำนิล หัวหน้าส่วนพันธมิตรด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และความสำเร็จในการใช้ข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งข้อมูลภายในองค์กรเอง และการเป็น data analytic strategic partner ร่วมกับทรู ดิจิทัล ทำให้เอไอเอมีมุมมองหลากหลายมิติที่สามารถนำมาวิเคราะห์ ช่วยให้เข้าใจลูกค้าปัจจุบันและขยายฐานลูกค้าใหม่ สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของการขายประกันแบบเดิมๆ ทั้งการขายผ่านช่องทางตัวแทนและคอลเซ็นเตอร์ เพิ่มช่องทางการสื่อสารที่สร้าง engagement กับลูกค้า นอกจากนี้ การพัฒนาโมเดลวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับทรู ดิจิทัล ยังทำให้เอไอเอมองเห็นลูกค้าในแต่ละ segmentation ได้ชัดเจนและสามารถนําเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่ตรงใจและความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้มากยิ่งขึ้น ทั้งความคุ้มครองประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือความคุ้มครองทางการเงิน ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลยังช่วยให้เห็นลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่เรียกว่าเป็นผู้มุ่งหวัง หรือว่าจำนวน lead ที่ให้ความสนใจในการที่จะซื้อประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพของ AIA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เอไอเอใช้ข้อมูลสร้างแคมเปญการตลาดและมีจำนวนผู้มุ่งหวัง หรือ leads เติบโตมากกว่า 20 เท่า และมียอดขายเพิ่มจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่ตรงความต้องการ ซึ่งเกิดจากข้อมูลที่มีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน และในอนาคต เอไอเอมีแผนจะนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการยกระดับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันในระดับบุคคล แบบ hyper-personalized มากขึ้น ตลอดจนศึกษาการใช้ข้อมูลในรูปแบบ real-time trigger นำมาออกแบบ real time product หรือ real time campaign ได้ตรงโจทย์เข้ากับสถานการณ์ที่ลูกค้าต้องการความคุ้มครองหรือต้องการความปลอดภัยในชีวิตแล้วนึกถึงประกัน AIA มากยิ่งขึ้น
นายสหชาติ ยังได้กล่าวย้ำถึงสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องเตรียมพร้อมก่อนเริ่มต้นการนำข้อมูลมาใช้ โดยเฉพาะเรื่องกฎระเบียบและข้อบังคับ PDPA และการได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านไอทีและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่จะใช้ในการวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูล และสุดท้ายคือ การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่จะต้องเข้าใจและร่วมมือกันในการทดลอง เรียนรู้ และมุ่งสู่ผลสำเร็จไปด้วยกัน