xs
xsm
sm
md
lg

Lenovo ปรับพอร์ต Non-PC ทุ่มพันล้านเหรียญปั้นโซลูชัน “ไฮบริดAI”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ครบ 3 ปีแล้วที่เลอโนโว (Lenovo) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ขยายตัวจากการเป็นบริษัทที่ทำรายได้ 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มาเป็นบริษัทที่ทำรายได้ทะลุ 6-7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี การเติบโตก้าวกระโดดนี้เป็นผลส่วนหนึ่งจากการปรับโครงสร้างหน่วยธุรกิจใหม่เมื่อปี 2021 ทำให้ Lenovo เทโฟกัสไปที่ธุรกิจ Non-PC มากขึ้น ทั้งบริการที่ปรึกษา ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และโซลูชันไอทีที่ทำรายได้ให้ Lenovo ราว 42% ของรายได้รวมในไตรมาสล่าสุด

การปรับพอร์ตธุรกิจ Non-PC ของ Lenovo ยังคงเป็นนโยบายต่อเนื่องในปีนี้ แต่ความสดใหม่จะอยู่ที่การใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นสื่อกลางในการนำเสนอ ความน่าสนใจคือ Lenovo เลือกชูแนวคิด “ไฮบริดเอไอ” (Hybrid AI) โดยเดินหน้าพัฒนาอินฟราสตรักเจอร์ AI ที่ทำงานไฮบริดร่วมกับบริบทเดิมที่องค์กรมีได้ง่ายและมีประโยชน์ที่สุดซึ่ง Lenovo เตรียมงบประมาณไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับ AI ต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนับจากนี้

  แมตต์ คอดริงตัน (Matt Codrington) รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ Lenovo Greater Asia Pacific
สำหรับประเทศไทย Lenovo วางเรือธงบุกตลาดในปีนี้ที่การอัดฉีดธุรกิจโซลูชันดิจิทัลเวิร์กเพลส (DWS) และโซลูชันตระกูล as a Service ทั้งบริการเช่าอุปกรณ์ และบริการเช่าอินฟราสตรักเจอร์ ซึ่งล่าสุด Lenovo ได้แต่งตั้ง “วรพจน์ ถาวรวรรณ” เป็นผู้จัดการทั่วไปประจำไทยและภูมิภาคอินโดจีน คนใหม่ โดยรับช่วงต่อจาก “ธเนศ อังคศิริสรรพ” ที่ขยับขึ้นไปเป็นหัวหน้าฝ่ายคีย์แอ็กเคานต์ เพื่อดูแลลูกค้ารายหลักทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

***PC ยังโตแต่ Non-PC โตแรงกว่า

แมตต์ คอดริงตัน (Matt Codrington) รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ Lenovo Greater Asia Pacific (ไม่รวมอินเดียและญี่ปุ่น) ระบุว่าไทยเป็นตลาดสำคัญของ Lenovo ด้วยขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของภูมิภาค และฐานะตลาดดีไวซ์ใหญ่อันดับ 4 ที่มีการเปิดรับการใช้งานเทคโนโลยีใหม่รวดเร็วมาก ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมาแม้บริษัทจะเห็นทิศทางเติบโตที่ชัดเจนในตลาดคอนซูเมอร์ แต่ก็เห็นการเติบโตของกลุ่มคอมเมอร์เชียลด้วย ภาวะนี้ทำให้ธุรกิจบริการและโซลูชันของ Lenovo เติบโตสูง จนทำให้ Lenovo มีรายได้ 42% มาจากกลุ่มสินค้าและบริการที่ไม่ใช่พีซี

“42% นี้มาจากธุรกิจอินฟราสตรักเจอร์ เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ เน็ตเวิร์ก ในกลุ่ม Infrastructure Solutions Group และโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีก ภาคการผลิต โลจิสติกส์ และการศึกษา รวมถึงบริการแมนเนจเซอร์วิส บริการที่ปรึกษา และซอฟต์แวร์อื่นๆ” แมตต์กล่าว “ทิศทางของเราในตอนนี้คือธุรกิจ Non-PC ที่กำลังเติบโตเร็วมาก”

จากเคยเป็นบริษัทที่ทำรายได้ 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ Lenovo กลายมาเป็นบริษัทที่ทำรายได้ทะลุ 6-7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
Infrastructure Solutions Group ที่ผู้บริหาร Lenovo กล่าวถึงนั้นเป็น 1 ใน 3 กลุ่มธุรกิจที่ Lenovo เพิ่งแยกไว้ใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อโฟกัสเรื่องการสร้างความหลากหลาย ให้ธุรกิจครอบคลุมตลาดมากขึ้น โดยแมตต์ย้ำว่า Lenovo ได้เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน ยกระดับตัวเองเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ตอนนี้มีมากกว่าอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ทั่วไป 

จาก 3 ธุรกิจคือ กลุ่ม Solutions and Services Group (SSG) กลุ่มธุรกิจ Infrastructure Solutions Group (ISG) และกลุ่มธุรกิจ Intelligent Devices Group (IDG) ทั้งหมดมีการเติบโตรวม 3% ในไตรมาสที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้รวม 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก Yoga รุ่นใหม่ ส่วนหนึ่งของพีซีกว่า 40 รุ่นที่ Lenovo นำ AI เข้ามาเสริมประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ทั่วไป และมีการเปิดตัวในช่วงต้นปี 2024
สำหรับไตรมาสถัดไปจากนี้ Lenovo วางแผนอัดฉีดการเติบโตให้ SSG และ ISG ด้วยการตั้ง AI เป็นแนวทางหลักของบริษัท จุดนี้แมตต์อธิบายว่า Lenovo ต้องการช่วยให้ลูกค้าทำ “อินเทลลิเจนซ์ทรานส์ฟอร์เมชัน” (Intelligent Transformation) หรือการปรับองค์กรเพื่อทำงานแบบอัจฉริยะ โดยครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์จิ๋วในกระเป๋าไปจนถึงระบบคลาวด์องค์กร ตามแนวคิด “พ็อกเกตทูคลาวด์” (pocket to cloud) ดังนั้น หากมองที่ AI งานของ Lenovo จึงเป็นการนำเสนอสินค้าเทคโนโลยี AI แบบครบพอร์ตโฟลิโอ และให้ทางเลือกแก่ลูกค้าในการเลือกเครื่องมือดิจิทัล



***Hybrid AI ต้องมา

ธงของ Lenovo ในตลาดคอมเมอร์เชียลนั้นปักไว้รอที่นวัตกรรม Hybrid AI จุดนี้แมตต์ยกตัวอย่างกรณีของโมเดลภาษาขนาดใหญ่หรือ LLM ที่ใช้ข้อมูลจากจุดเก็บจำนวนมาก และต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล Lenovo จึงวางตัวให้ Hybrid AI เป็นตัวช่วยให้องค์กรปลดล็อกการใช้งานข้อมูลที่เกิดขึ้นได้ในทุกที่ ลดความซับซ้อน ผลักดันให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านองค์กรไปใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะได้ง่ายขึ้น ด้วยการขยายความสามารถของ AI ให้ไปไกลกว่าระบบคลาวด์

“เราทำ Hybrid AI เพื่อทำอินฟราสตรักเจอร์ที่เหมาะกับแต่ละธุรกิจ ทำให้ธุรกิจทำ AI โมเดลด้วยความยืดหยุ่น เป็นการนำเสนอข้อได้เปรียบสำหรับลูกค้า โดยเฉพาะบริษัทด้านการแพทย์ สถาบันการเงิน และองค์กรต่างๆ ที่ยังต้องปกป้องข้อมูลบนไพรเวทคลาวด์ ตามกระบวนการกำกับดูแล ซึ่งเป็นข้อจำกัดทำให้ลูกค้าที่สนใจใช้ AI ยังลังเลและรอดูว่าจะสามารถใช้ได้อย่างไร สิ่งที่ Lenovo ช่วยลูกค้าคือการทำให้ลูกค้าเห็นสิ่งที่เป็นไปได้ เราจึงเน้นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีที่องค์กรมี เพื่อจะได้รู้ว่าสามารถใช้อะไรได้บ้าง รวมถึงพื้นที่นำ AI ไปใช้ และการหาทางนำ AI ไปใช้ตามบริบทของแต่ละองค์กร”


ในส่วน AI PC เจ้าพ่อพีซีโลกยอมรับว่าหวังให้คอมพิวเตอร์ยุคใหม่เข้ามาสู่ตลาดในวันที่การทำงาน AI ใช้เวลาประมวลผลช้ามากบนพีซีรุ่นเก่า โดยผลดีจากการมี “NPU” หน่วยประมวลผลพันธุ์ใหม่ที่จะมารองรับงานของโมเดล AI โดยเฉพาะ คือการทำให้ผู้ใช้พีซีสามารถรับประโยชน์จาก AI และปกป้องข้อมูลของตัวเองได้มากขึ้น ในลักษณะเดียวกับพัฒนาการของอินเทอร์เน็ตยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากการใช้งานในยุคแรก ทั้งการปรับการใช้งานให้เข้ากับแต่ละบุคคลมากขึ้น และปกป้องข้อมูลผู้ใช้ได้ในยุคหลัง

“AI ควรต้องปลอดภัยสูง ใน AI PC จะมีระบบที่ปรับการใช้ AI สาธารณะให้เข้ากับบุคคลหรือองค์กรอย่างทรงพลังมาก ทั้งยกระดับการใช้อินฟราสตรักเจอร์ที่เป็นสาธารณะอย่าง ChatGPT ซึ่งมีประโยชน์สูงแต่ไม่ได้ปรับให้เข้ากับแต่ละองค์กร และการแชร์ข้อมูลการใช้งานสู่สาธารณะอย่างปลอดภัย” แมตต์กล่าว “AI PC ยังขยายการใช้งานส่วนตัว ทั้งการใช้งานผู้ช่วยเสียง ให้เป็นระบบส่วนบุคคลที่ทรงพลัง ซึ่งนอกจากเข้าใจพฤติกรรมเราแล้ว ยังคาดการณ์คุณสมบัติที่เราอาจจำเป็นต้องใช้ได้ด้วย”


แม้จะเป็นผู้นำด้าน AI แต่ Lenovo มองเห็นความจำเป็นต้องมีพันธมิตร จึงประกาศทุ่มทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อวิจัยพัฒนา AI โดยเฉพาะและกำลังมุ่งมั่นทำงานในกลุ่มพันธมิตรบน AI อีโคซิสเต็มเดียวกันราว 162 เจ้าคาดว่าจะเห็นการพัฒนาที่มากกว่าการใช้งาน นั่นคือการสามารถปรับให้เหมาะกับการใช้งานทุกประดับ

***ตลาดโซลูชันไทยสดใส

วรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว แสดงความมั่นใจในพอร์ตโฟลิโอ Lenovo ในการนำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอสินค้า เบื้องต้นวางแผนจำหน่ายโซลูชัน Lenovo มากขึ้นในตลาดไทยเนื่องจากไม่เพียงภาพรวมกำลังซื้อในตลาดไทยที่มีศักยภาพใหญ่อันดับ 2 ของภูมิภาค ยังมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เห็นได้จากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มูลค่า 3.48 ล้านล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ทำให้มีความเป็นไปได้ในการจัดซื้อสินค้าไอที

“การซื้อในปีนี้คงหนีไม่พ้นสินค้าเทคโนโลยี” วรพจน์มั่นใจ “ใครที่สงสัยว่าตลาดค้าปลีกรายย่อยจะกลับมาโตได้หรือไม่ ต้องบอกว่านับจากพฤษภาคมปีนี้ จะครบ 3 ปีตามวงจรการซื้อพีซี เชื่อว่าจะมีปัจจัยเร่งการเปลี่ยนรุ่น จากระบบปฏิบัติการและชิปเมื่อ 4 ปีก่อน ปีนี้จะมี windows 11 ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Copilot มาเป็นตัวเร่ง และการเปิดตัวชิปใหม่ทั้งฝั่ง Intel และ AMD จะมีการเปิดตัวชิปเจเนอเรชันใหม่ สินค้าเราจะปรับใหม่พร้อมกับไลน์อัปเหล่านี้ ทั้งสินค้ากลุ่มไคลเอนท์ คอมเมอร์เชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือแม้แต่กระทั่งโซลูชัน และซิเคียวริตี พร้อมนำเสนอทั้งกับภาครัฐและเอกชน เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของ Lenovo”

วรพจน์ย้ำว่า Lenovo เป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดรวมพีซีเป็นอันดับ 1 ในไทยติดต่อกัน 3 ไตรมาส (คำนวณจากยอดจัดส่งพีซีรวม) ซึ่งนอกจากอุปกรณ์ สิ่งที่ Lenovo ทำได้ดีตั้งแต่ก่อนและหลังโควิด-19 คือธุรกิจดิจิทัลเวิร์กเพลสโซลูชัน โดยธุรกิจ DWS นี้จะต่อยอดจากแนวคิดไฮบริดเวิร์กเพลส เพื่อทำให้เกิดดิจิทัลเวิร์กเพลสสำหรับเป็นเรือธงปีนี้

  วรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว
สำหรับมุมมอง AI PC ในตลาดไทย วรพจน์มองว่าจะเป็นจุดเริ่มของยุคสมัยใหม่ โดย Lenovo จะไม่ใช่เวนเดอร์ที่นำเสนอ AI PC แค่ในมุมพีซี เนื่องจากพีซีถือเป็นจุดเริ่มต้นประสบการณ์ใหม่ผู้บริโภค ในการทำให้ผู้บริโภคเข้าใจการใช้งานของตัวเองมากกว่าที่ผู้ใช้จะรู้จักตัวเอง โดยพีซียุคหน้าจะรู้ว่า เมื่อใดที่ผู้ใช้ต้องการใช้ CPU หรือ GPU หรืออายุแบตเตอรี่มากกว่ากัน

“ผมเชื่อว่า AI จะมีผลในทุกเซกเมนต์ ทั้งธนาคาร เฮลแคร์ โลจิสติกส์ ทุกอุตสาหกรรมรวมถึงรีเทล จะทำให้เกิดความสามารถในการทำงานมหาศาล บริษัทจะไม่ได้มองสิ่งเหล่านี้เป็นการลงทุนเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ธรรมดา แต่เป็นการลงทุนเพื่อเสริมศักยภาพ”

ในฐานะแม่ทัพคนใหม่ของตลาดไทย วรพจน์วางเป้าหมายให้ Lenovo ยังคงครองตำแหน่งเบอร์ 1 พีซีไทยต่อไป และจะเน้นทำตลาดเอนด์ทูเอนด์ครบทุกไลน์โดยยืนยันว่าความเป็น “โกลบอลคัมพานี” ที่สูงของ Lenovo ทำให้ไม่เห็นความเสี่ยงเรื่องความบาดหมางระหว่างประเทศซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดส่งชิปสู่สายการผลิตของ Lenovo โดยไม่ว่าจะมีสถานการณ์ใด Lenovo จะมุ่งให้บริการที่ดีที่สุดเสมอ


กำลังโหลดความคิดเห็น