Dyson นำแรงบันดาลใจจากระบบทำความสะอาดในหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Dyson 360 Vis Nav มาช่วยสร้าง Dyson CleanTrace เทคโนโลยีภาพเสมือนจริงแบบเรียลไทม์ที่แสดงให้เห็นถึงพื้นที่ที่ถูกทำความสะอาด และจุดที่พลาดไป ซึ่งทำให้ประหยัดเวลาในการทำความสะอาด และไม่ต้องสงสัยว่าได้ทำความสะอาดตรงนี้ไปหรือยัง
ชาร์ลี พาร์ค รองประธานฝ่ายวิศวกรรม ไดสัน โฮม กล่าวว่า การทำความสะอาดโดยหุ่นยนต์ Dyson ต่างจากการทำความสะอาดโดยมนุษย์ตรงที่มันรู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของห้อง ตรงไหนที่ไปมาแล้ว และตรงไหนที่ยังไม่ไป ด้วย Dyson CleanTrace “ทำให้ทีมวิศวกรของ Dyson เพิ่มความอัจฉริยะในการทำความสะอาดให้เครื่องดูดฝุ่น Dyson Gen5 detect ช่วยให้สามารถมองเห็นพื้นที่ที่ทำความสะอาดแล้ว และพื้นที่ที่ยังไม่ถูกทำความสะอาด เมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีตรวจจับอนุภาค จะช่วยให้พิสูจน์ได้ว่าพื้นสะอาดอย่างแท้จริง”
Dyson CleanTrace เป็นรูปแบบการผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อการทำความสะอาดด้วยการนำ LiDAR ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนของผู้ใช้มาช่วยให้ Dyson CleanTrace จัดทำแผนที่ภายในห้องและวางเส้นทางการทำความสะอาด
ก่อนใช้ AR แสดงให้เห็นถึงพื้นที่ที่ถูกทำความสะอาด และจุดที่พลาดไป เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้วผู้ใช้สามารถสแกนห้องด้วยโทรศัพท์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่ได้พลาดจุดไหนไป โดยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในเครื่องดูดฝุ่น Dyson Gen 5 detect
สำหรับเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ เนื่องจากงานวิจัยของ Dyson ได้แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมักจะประเมินเวลาในการทำความสะอาดสูงเกินไป ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าประมาณ 80% ของการทำความสะอาดใช้เวลาน้อยกว่า 10 นาที
ขณะที่ผู้คนระบุว่า พวกเขาดูดฝุ่นโดยเฉลี่ย 24 นาทีต่อครั้ง นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังทำความสะอาดแบบไม่เป็นระบบ และไม่มีประสิทธิภาพ โดยมักทำความสะอาดที่เดิมซ้ำๆ และพลาดจุดอื่นไป
ทั้งนี้ เทคโนโลยี Dyson CleanTrace เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลก และยังไม่มีแผนที่จะนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในเวลานี้